“เห้ย! ฉันยังไม่อิ่มนะ”
อยู่ดีๆ หมอนั่นก็แย่งจานอาหารไปแล้วเอาวางไว้บนหลังตู้โชว์สูงลิบ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ขนาดมาตรฐานร้อยห้าสิบสามเซนติเมตรอย่างฉันจะหยิบยังไงถึง
ฉันหันไปคว้าเก้าอี้มาปีนหยิบด้วยความยากลำบาก แต่ไม่ยอมแพ้หรอกนะ ความหิวชนะสิ่งอื่นใดเสมอ
ไม่นานฉันเอื้อมหยิบอาหารจานนั้นลงมาได้และนั่งกินต่ออย่างสบายใจ
น่าโมโหชะมัดแต่พอเห็นขนมปังในมือแล้วก็มีความรู้สึกผิดแทรกเข้ามานิดหน่อย กินของที่เขาทำแล้วยังมีนหน้าไปโมโหเขาอีก ถ้าไม่ได้เขาวันนี้ ฉันโดนไฟคลอกตายคาบ้านแหงๆ
เฮ้อ...คิดถึงแม่กับพ่อจัง ถ้าอยู่บ้านคงได้กินอะไรอร่อยๆ ข้อเสียของการที่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง เอาแต่รอพ่อกับแม่ประเคนให้ รู้ซึ้งตอนห่างอกพ่ออกแม่เนี่ยแหละ ทีนี้ก็คงต้องเปลี่ยนตัวเองใหม่
แกร๊ก….แอ็ด
ฉันหันไปตามเสียงเปิดประตูทั้งที่ยังคาบขนมปังชิ้นสุดท้ายคาปาก
“นายจะไปไหนเหรอ” ฉันกัดขนมปังคำใหญ่ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนรวมบ้านที่ก้าวออกมาจากห้องตัวเอง ในปากก็ยังคงเขี้ยวตุ้ยๆ เรื่องกินสำหรับฉันน่ะ เรื่องใหญ่
“ธุระ” เขาตอบห้วนๆ แล้วเดินไปนั่งใส่รองเท้าผ้าใบอยู่หน้าประตูบ้าน
“เอ่อ...ฉันอยากไปห้างอะ นายผ่านทางนั้นไหม”
ตั้งแต่มายังไม่ได้ซื้อของใช้ส่วนตัวเลยสักอย่าง จะไปเองก็กล้าๆ กลัว ๆ ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามีรถผ่านไหมหรือต้องขึ้นรถสายไหน อย่างน้อยถ้ามีเขาไปด้วยแล้วบอกว่าฉันต้องลงตรงไหนก็ยังดี การมีเพื่อนสักคนในต่างถิ่นยังไงมันก็อุ่นใจกว่า
"…" แต่เขากลับเงียบ
“งั้น...ไม่เป็นไรก็ได้” ฉันบอกเสียงอ่อย…
และเขายังคงก้มหน้าใส่รองเท้าโดยไม่สนใจกันเลยสักนิด ราวกับฉันเป็นอากาศธาตุ ได้ยินที่ฉันพูดบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้
“ไปอาบน้ำดิ...อย่านานด้วย” อยู่ๆ เขาก็พูดขึ้นหลังจากที่เงียบไปสักพัก พร้อมกับลุกขึ้นยืน เหลือบมองฉันเล็กน้อยด้วยสีหน้าเรียบเฉยต่างกับฉันที่ดีใจจนเนื้อเต้น วางจานเปล่าลงบนโต๊ะรีบดีดตัววิ่งขึ้นห้องไปอาบน้ำแต่งตัวทันทีเพราะกลัวเขาจะไม่รอ
ฉันใช้เวลาไม่เกินสิบห้านาทีก็พาตัวเองลงมาจากห้อง
“ปะ...ไปกัน” ฉันเอ่ยพลางหยิบรองเท้าผ้าใบคู่โปรดมาใส่ วันนี้ฉันแต่งตัวแบบสบายๆ อาจเป็นเพราะรีบด้วยแหละ
ณ ห้างสรรพสินค้า LL
“โห...คนเยอะจัง”
ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ เมื่อเดินลงมาจากรถสองแถวสาธารณะ ก่อนจะหันไปบอกเพื่อนร่วมบ้านใจดีที่อุตส่าห์พามา
“นายส่งฉันแค่นี้ก็ได้นะ ขอบใจนะ”
หมับ...!
“เดี๋ยว...” เขาคว้าข้อมือฉัน “เปลี่ยนใจละ ฉันจะไปกับเธอ”
พูดจบเขาก็กึ่งจูงกึ่งลากฉันข้ามถนนเพื่อจะไปยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“อ้าว...แล้วธุระนายล่ะ?” ฉันถามขึ้นตอนที่เรากำลังผ่านเข้าประตูห้าง
“เสร็จแล้วเธอก็ต้องไปทำธุระกับฉันไง”
“หื้ม?”
ระหว่างที่ยังมึนงงกับประโยคของเขา ฉันก็ถูกลากเขามายังโซนของใช้โซนหนึ่งของห้างพร้อมกับตะกร้าหนึ่งใบที่ถูกยัดใส่มือ เขาออกแรงดุนดันเป็นเชิงให้ฉันเดินนำหน้าไป ฉันยังคงลอบมองผู้ชายที่เดินตามหลังเป็นระยะ สมองก็คิดวนอยู่แต่กับเรื่องของเขา
สรุปแล้วเขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ...เดายากจัง บทจะใจดีก็ดีซะจนน่ากลัว
บางครั้งก็ดูเขาถึงยาก แต่บางทีก็ดูเป็นมิตร ฉันควรทำตัวยังไงเวลาอยู่กับเขา วูบหนึ่งฉันรู้สึกถึงความเป็นผู้ชาย...ผู้ชายที่ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วย หรือถ้าเขาเป็นจริงๆ ก็เนียนมากแอบซะมิดชิดเชียว
หลังจากที่ซื้อของเสร็จเรียบร้อย ฉันก็หอบถุงข้าวของด้วยมือทั้งสองข้างพลางเอาใบเสร็จขึ้นมาดูรายการที่ซื้อนิดหน่อย จู่ๆ เขาก็แย่งถุงทั้งหมดไปถือไว้เอง ฉันก็ไม่ปฏิเสธนะ ดีซะอีกมีคนช่วยถือ การกระทำของเขาในบางครั้งมันก็ทำให้ฉันยิ้มได้เหมือนกันนะ…
ว่าแต่เขายิ้มเป็นรึเปล่า ยังไม่เคยเห็นเลย ตอนนี้กลายเป็นฉันที่เป็นฝ่ายเดินตาม ดูไปดูมาเขามีความเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าผู้ชายแท้บางคนซะอีก
.....
“นาย” ฉันดึงชายเสื้อเชิ้ตผู้ชายที่เดินอยู่ข้างหน้าเพื่อให้เขาหยุดตอนที่เราเดินผ่านโซนร้านอาหาร
“...?” เขาหันมาย่นคิ้วใส่ฉันด้วยความสงสัย
“หิวอ่ะ” ฉันพูดพร้อมกับส่งสายตาวิงวอนไปให้และมันก็ได้ผล
“จะกินอะไร”
ฉันชี้ไปที่ร้านสุกี้ชื่อดัง “...ฉันเลี้ยงเอง”
เขาพยักหน้าแทนการตอบรับ จากนั้นฉันก็พุ่งตัวเข้าไปในอาหารอย่างไวโดยมีหมอนั่นถือของพะรุงพะรังตามมาติดๆ
พอได้โต๊ะ ฉันก็จัดแจง สั่ง...สั่ง...สั่งทุกอย่างที่อยากกิน ส่วนเขาก็ยังทำเหมือนอยู่คนเดียวบนโลก ไม่สนใจอะไรสักอย่าง จะกินอะไรหรือไม่กินอะไร ก็ไม่พูดไม่บอก ไม่เป็นไร…ฉันสั่งเผื่อเอง
ระหว่างรออาหาร เขาก็หยิบมือถือออกมาจิ้มๆ กดๆ โดยที่ยังมีฉันที่แอบมองอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าเขาจะรู้ตัวรึเปล่า ฉันอยากรู้จักเขามากกว่านี้เพราะเราต้องอยู่บ้านเดียวกันอีกตั้งหลายเดือน
เขาไม่อยากรู้จักฉันบ้างรึไงนะ…
สุดท้ายฉันก็ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมเป็นเวลานานหลายนาที จนอาหารมาเสิร์ฟ จนเริ่มกิน
และในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหว
“นาย…ชื่ออะไรอะ” ฉันเริ่มทำลายความเงียบด้วยประโยคเบสิก...รู้สึกแปลกๆ เงียบแบบนี้ฉันกินไม่อร่อย…
“...” แต่คำตอบที่ได้กลับมาก็คือ….เงียบ
“ฉันชื่อหนูดานะ”
“...ดิน” ในที่สุดก็ยอมบอกชื่อ
“แล้วนายอายุเท่าไรอะ” ฉันยังคงถามต่อ
“...” เงียบอีกแล้ว
“ฉัน 26 เป็นพี่นายกี่ปีเหรอ…?”
“...4 ปี”
งั้นเขาก็ 22 สินะ คนบ้าอะไร เย็นชาชะมัด ฉันต้องตอบคำถามตัวเองก่อนค่อยถามเขาเหรอวะ...นี่เขาก็จะจบมหาลัยแล้วดิ
เด็กนักเรียนของป้าพิมเหรอเนี่ย
หลังจากนั้นฉันก้มหน้าก้มตากินอาหารของตัวเองต่อ คิดคำถามไม่ออกละ แล้วก็ดูเหมือนเขาไม่ค่อยอยากคุยด้วย...
กินเสร็จเราก็ออกมาจากห้าง เขาพาฉันขึ้นรถมาลงที่...ที่หนึ่ง น่าจะเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์ ฉันก็เดินตามเขามาเรื่อยๆ จนเลยมาในโซนของ...เอ่อ หลุมฝังศพของผู้ล่วงลับ มันก็ไม่ได้ดูน่ากลัว แค่ไม่ค่อยชิน
ฉันมองสำรวจไปรอบๆ บรรยากาศก็ร่มรื่นดีนะ ต้นไม่ใหญ่เยอะ แต่ก็ไม่เหมาะกับการมาพักผ่อนอยู่ดี
ปึก! โอ๊ย...
“หยุดทำไมไม่บอกเล่า!” ฉันพ่นคำใส่เขาแล้วเอามือลูบหน้าผากตัวเอง คนบ้าหยุดก็ไม่รู้จักบอก
“รออยู่นี่แหละ...เดี๋ยวฉันมา” เขาหันมาบอกและทำท่าจะก้าวเดินไปจากตรงนี้แต่ฉันยื่นมือไปดึงชายเสื้อเขาไว้ก่อน
“นายจะไปนานไหม”
“ไม่นาน...ทำไม” เขาเลิกคิ้วถาม
“ปะ...เปล่า ไปเหอะ”
ความจริงฉันก็กลัวเขาจะทิ้งฉันไว้ที่นี่...เพราะฉันจำทางกลับไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ได้แต่นั่งรอเขาอยู่ที่เดิมไม่กล้าเดินไปไหน พลางชะเง้อมองตามแผ่นหลังเด็กนั่นไปจนเกือบสุดทาง
...พักใหญ่เลยกว่าเขาจะเดินกลับออกมา
“...” เขาหยุดตรงมองหน้าฉันครู่หนึ่งและเดินต่อ
จะเรียกก็ไม่เรียก กลัวดอกพิกุลจะร่วงรึไงนะ
“นาย...ถ่ายรูปให้ฉันหน่อยสิ นะๆ” ฉันพูดพร้อมยื่นมือถือให้เขาเมื่อเราเดินออกมาถึงจุดที่วิวมันสวยมาก เขาหันมาถอนหายใจแรงใส่ฉันหนึ่งครั้ง ก่อนจะวางถุงของใช้ลงและรับมือถือของฉันไป
“เยสสสส!!!”
แช๊ะ...แช๊ะ...แช๊ะ!!!!
แล้วเขาก็ยื่นโทรศัพท์คืนฉัน…
“ห๊ะ!! เสร็จแล้วเหรอ ฉันยะ...”
“จะกลับไม่กลับ” เขาพูดเสียงดุพลางก้มหยิบถุงของใช้ขึ้นมา
“เออๆ กลับก็ได้ ดุเป็นหมาเลย” ฉันตอบกลับเขาและทิ้งท้ายด้วยเสียงที่เบาย่ำว่าเบามาก
“ว่าไงนะ!” ทีงี้หูดีขึ้นมาซะงั้น
“อะ..อ๋อ ฉันบอกว่าอยากกลับพอดีเลย” หน้าแบบนี้โตมาจนป่านนี้ได้ยังไงก่อน อัพรูปดีกว่า…
[PIC]
2750 Like, 154 Comment
Nee.ra ก็ไม่ได้แย่ไปซะทุกอย่าง
Num : พี่หนูดาน่ารักจัง
Pig : แรดดดด
Menny69 : ใครถ่ายรูปให้มึงคะ ชะนี
Nee.ra : แต๊งค์ ค่ะเพื่อน @ Pig
Nee.ra : ใครกะด้าย โตแล้ว @ Menny69
NEW.Sy : สวยเหมือนเดิม
“มองทางบ้างก็ได้มั้ง” เสียงนั่นทำให้ฉันรีบเก็บโทรศัพท์แทบไม่ทัน
“ผู้หญิงที่นี่สวยจัง...ขาวมากเลย นายว่าไหม…?” ฉันพยายามชวนคุยตลอดการเดินทางแต่สิ่งที่ได้กลับมา...เหมือนคุยอยู่คนเดียว
“...”
“แต่ก็นะ...นายเป็นเกย์ คงไม่รู้หรอก” ฉันพูดขึ้นลอยๆ ก่อนที่เขาจะหยุดชะงักแล้วมองฉันตาขวาง ซวยแล้วไหมล่ะ...
“เธอว่า...อะไรนะ”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ...ฉะ...ฉันขอโทษ”
เขาโน้มหน้าเข้ามาหาส่งผลให้ฉันต้องยกมือขึ้นดันแผงอกแกร่งเอาไว้ เพื่อไม่ให้มันใกล้ไปกว่านี้
“เหอะ...จะลองปะล่ะ” เขากระซิบข้างหูฉันเบาๆ “ฉันน่ะ ชอบ...ผู้...หญิง”
“อะไรนะ!!!”
ฉันรีบผลักเขาให้ออกห่างฉันทันที...
เขากำลังบอกฉัน ว่าเขาไม่ได้เป็น เกย์ งั้นเหรอ แล้วทำไมเขาไม่บอกฉันตั้งแต่แรก ตอนนี้ฉันควรรู้สึกยังไง ความจริงก็ประมาณ 40% ได้นะที่คิดไว้อยู่แล้วว่าเขาเป็นผู้ชาย แต่ก็ยังเชื่อในสิ่งที่ป้าพิมบอกเพราะเขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธตั้งแต่แรก
สมองมันอื้อไปหมด ตอนแรกฉันคิดว่าเราน่าจะเป็นเพื่อนกันได้ แต่ไม่ใช่เลย.....
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.