ฟ้าสีน้ำเงินเข้มและหมู่ดาวเรียงรายบนท้องฟ้าส่องประกายระยิบระยับ สองพี่นอนแอบหญิงชราปีนหน้าต่างออกมานอนดูดาวด้วยกันบนหลังคา โหลคุ้กกี้ที่ไพรทูรย์ไปหยิบเอามาจากบ้านและกระป๋องน้ำหวานสองใบถูกวางเอาไว้ข้างข้างกัน สีหน้าของเพทายดูมีความสุขมากมากเมื่อดวงตาได้ไล่มองหมู่ดาวที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า..
ไพรทูรย์เปิดโหลคุกกี้ออกแล้วส่งมันให้กับเพทาย.. เด็กหนุ่มในท่านั่งขัดสามาธิมองดูขนมในโหลแก้วแล้วหยิบมันออกมาชิมหนึ่งชิ้น..
“ อร่อยมากเลยทูน ” เด็กหนุ่มแววตาลุกวาว..คุกกี้ช็อกโกแลตที่ตัวเองกำลังชิมอยู่นั้นมีรสชาติหวานหอมผสมกับเท็กซ์เจอร์ที่กรุบกรอบแล้วมันเข้ากันมากเลย เด็กหนุ่มป้อนส่วนที่กัดเหลือไว้เข้าไปในปากทั้งอันแล้วหยิบเอาอันใหม่ในโหลขึ้นมากินอีก..
ไพรทูรย์มองดูเด็กหนุ่มช่างกินยัดคุกกี้ช็อกโกแลตเข้าปากทีละสองสองชิ้นแล้วก็หัวเราะออกมา
“ ค่อยค่อยกินซิเพทาย.. พี่ไม่แย่งกินหรอก ”
สายตาใสซื่อจ้องลงมองที่ขวดโหลอีกครั้ง เด็กหนุ่มกินคุกกี้ไปเยอะมากจนเหลือแค่สองชิ้นสุดท้าย
“ ทูนยังไม่ได้กินเลย เพทายขอโทษ ” เด็กหนุ่มยื่นโหลคุกกี้กลับคืนให้กับพี่ชาย " นี่.. เพทายเหลือให้ทูนสองชิ้น "
ฝั่งพี่ชายส่งโหลคุกกี้คืนให้กับน้องชาย..
“ กินไปเถอะ อยู่ที่บ้านพี่มีอีกโหลหนึ่ง ” เด็กหนุ่มแววตาลุกวาวอีกครั้ง
“ จริงนะ ” ไพรทูรย์ยิ้มบางแล้วยกมือแกร่งขึ้นไปลูบหัวของเพทาย
“ อืม.. กินเถอะ ” แววตาใสซื่อล้วงมือเล็กลงไปหยิบคุกกี้ที่เหลือสองชิ้นขึ้นมากัดเข้าปากแล้วรอบยิ้มสวยที่ไพรทูรย์คุ้นเคยก็เผยออกมาให้เห็น เด็กหนุ่มมีความสุขที่ได้กินคุกกี้ของพี่ชาย
กระป๋องน้ำหวานสองใบถูกเปิดออก ใบหนึ่งให้เพทาย อีกใบไพรทูรย์ถือเอาไว้เอง ทั้งคู่ยกขึ้นดื่มพร้อมพร้อมกัน
“ อ๊าาส์ ” ความสดชื่นจากแก๊สที่อัดแน่นในกระป๋องสร้างความคึกคักให้กับสองหนุ่ม.. คืนนี้ไพรทูรย์และเพทายคงอยู่ยาวถึงเช้าเป็นแน่
เข็มนาฬิกาในห้องบอกเวลาเที่ยงคืนและดวงดาวก็พร่างพราวเป็นประกายอยู่เต็มท้องฟ้า..
ไพรทูรย์เหยียดขายาวมองดูดวงดาวบนท้องฟ้าและเริ่มฮัมเนื้อเพลงออกมาเบาๆ..
Look at this sky, will you see the light shines ?
It's gonna be alright, where I see it in your eyes..
" เพลงอะไรเหรอทูน.. เพราะดีนะ " ไพรทูรย์ยื่นมือแกร่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและกลางมันออก
" อาจเป็นเพลงในอนาคตก็ได้นะเพทาย จู่ๆมันก็ลอยขึ้นมาบนหัวของพี่.. พี่แค่ร้องมันออกมา "
" ทูน.. โตขึ้นเพทายอยากไปเป็นนักแสดงจังเลยล่ะ " เด็กหนุ่มเปลี่ยนจากท่านั่งขัดสมาธิเป็นเหยียดขายาวนอนดูดวงดาวเหมือนพี่ชาย " แต่นักแสดงชายเขาไม่ไว้ผมยาวกันนะ " ไพรทูรย์แอบแซวน้องชาย " ชิ.. เพทายว่าเดี๋ยวในอนาคตนักแสดงชายก็ไว้ผมยาวได้เหมือนกันนั่นแหละ "
พูดจบ.. เด็กหนุ่มชี้นิ้วไปยังกลุ่มดาวที่เกาะกุมกันเป็นกระจุกและใช้นิ้วชี้ลากเส้นดวงดาวให้ต่อติดกันแล้วหันหน้ากลับไปถามพี่ชายว่ามันคือกลุ่มดาวอะไร..
ไพรทูรย์ใช้นิ้วชี้วาดวงกลมล้วมดวงดาวที่เพทายขีดเส้นต่อกันเอาไว้ จากนั้นเริ่มเล่าเรื่องราวของกระจุกดาวเหล่านั้นให้เพทายฟัง
" รู้ไหมว่าเขาเรียกกลุ่มดาวเหล่านี้ว่าอะไร " ไพรทูรย์เล่าว่า ตำนานของกระจุกดาวลูกไก่นั้นมีหลากหลาย แตกต่างกันไปตามวัฒนธรรมและถิ่นภาษา กลุ่มดาวที่เพทายกำลังมองดูอยู่ตอนนี้เป็นกลุ่มดาวที่ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้าทั้งหมดเจ็ดดวง แต่ความเป็นจริงแล้วในกลุ่มดาวนั้นมีดวงดาวที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นอยู่มากกว่าหนึ่งพันดวง
เพทายหลับตาลงและเริ่มจินตนาการถึงภาพดวงดาวหลายพันดวงที่รอยอยู่บนท้องฟ้า..แล้วบอกให้เพทายเล่าเรื่องดาวลูกไก่ให้ฟังต่อ
ไพรทูรย์เริ่มเล่าเรื่องเล่าของดาวลูกไก่ที่เคยได้ฟังจากคุณแม่เมื่อตอนยังเป็นเด็ก.. ชายหนุ่มเล่าว่า สมัยก่อนมีตากับยายคู่หนึ่งอาศัยอยู่ในป่า เขาเลี้ยงแม่ไก่และลูกไก่เอาไว้ทั้งหมดเจ็ดตัว แต่อยู่ๆวันหนึ่งในป่ามีพระธุดงค์ผ่านมา ตากับยายจึงอยากหาอาหารไปถวาย แต่เนื่องจากอยู่ในป่าไม่มีอาหารดีๆเลย ตากับยายจึงหารือกันว่าจะฆ่าไก่ที่เลี้ยงไว้เพื่อไปทำอาหารถวายพระธุดงค์ ทางแม่ไก่ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบสั่งเสียลูกของตนเองทั้งหมดหกตัวให้รักษาตัวให้ดีดี แม่ไก่จะต้องตอบแทนบุญคุณตายายที่เลี้ยงดูแม่ไก่มา
เมื่อถึงเวลา.. ตากับยายจับแม่ไก่มาฆ่าเพื่อปรุงอาหาร แต่ลูกไก่ก็กระโดดเข้าเตาไฟตายตามแม่ไปด้วย ทวยเทพได้มองเห็นแก่ความกตัญญู จึงเสกให้แม่ไก่และลูกไก่ทั้งหมดขึ้นไปเป็นดาวอยู่บนท้องฟ้าเพื่อเตือนใจคน
น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงมาจากดวงตาของเพทาย.. กระจุกดาวลูกไก่ตรงหน้าทำให้เด็กหนุ่มหวนนึกถึงมารดาที่จากไป เมื่อยังเยาว์..
เด็กหนุ่มจำได้ว่าในทุกๆคืนเมื่อท้องฟ้าปรากฏหมู่ดาวเรียงรายกลางท้องฟ้ากว้าง มารดามักจะประครองร่างของเด็กหนุ่มให้ขึ้นไปอยู่ในระดับไหล่ มือข้างหนึ่งประคองศีรษะและลำคอของเด็กหนุ่ม ส่วนมืออีกข้างหนึ่งใช้ประคองก้นและช่วงหลังศรีษะเอาไว้.. เมื่ออยู่ในท่าที่เหมาะสมแล้วผู้เป็นแม่จะฮัมเพลงกล่อมนอนและเฝ้าบอกให้เด็กหนุ่มคอยมองขึ้นไปยังท้องฟ้าที่มีดวงดาวเปล่งประกายอยู่มากมาย
" เพทายดูซิลูก.. มันสวยงามมากเลยใช่ไหม " เมื่อลองมองให้ดีกลุ่มดาวมากมายเหล่านั้นเหมือนเพชรและพลอยเม็ดงามที่ส่องแสงแวววาววิบวับอยู่บนท้องฟ้า " รู้ไหมว่าเพทายก็เป็นพลอยเหมือนกันนะลูก.. สักวันหนูจะกลายเป็นพลอยที่ระยิบระยับเหมือนหมู่ดาวที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า "
" สักวันเพทายจะกลายเป็นพลอยที่ระยิบระยับเหมือนหมู่ดาวที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า.. แม่เคยบอกเพทายไว้ว่าอย่างนี้แหละทูน เพทายอยากเป็นดวงดาราเหมือนที่แม่บอก " เด็กหนุ่มยื่นมือทั้งสองข้างขึ้นไปบนท้องฟ้าและจับเอาหมู่ดาวหลากหลายมากอบกุมเอาไว้
“ ถ้าทำแบบนั้นเดี๋ยวหมู่ดาวก็วิ่งหนีไปได้หรอกเพทาย มันต้องแบบนี้.. ”
ไพรทูรย์หยิบโหลคุกกี้ที่เด็กหนุ่มกินคุกกี้ไปหมดแล้วเปิดมันออก ชายหนุ่มบอกให้เด็กหนุ่มค่อยๆจินตนาการว่ากำลังตักหมู่ดาวให้ไหลเข้าไปในโหลใสที่ว่างเปล่า
“ ว้าว.. ทำแบบนี้แล้วเราจะเก็บดวงดาวเอาไว้ได้จริงจริงด้วยล่ะทูน ” เด็กหนุ่มหันไปหยิบฝาปิดขวดโหลขึ้นมาแล้วส่งมันให้ไพรทูรย์ปิดมันเอาไว้
“ แท๊แด่.. เป็นไงล่ะ พี่ฉลาดใช่ไหม ” เด็กหนุ่มยิ้มดีใจแล้วปรบมือเปาะแปะเป็นรางวัลให้พี่ชายคนฉลาด
“ เพทายขอเก็บไว้..ขอเก็บไว้นะทูน ” ชายหนุ่มยิ้มกว้างแล้วส่งขวดโหลเปล่าที่บรรจุดวงดาวในจินตนาการของเด็กหนุ่มคืนให้เจ้าตัว “ รักษาดีดีล่ะ ” เพทายโอบกอดขวดโหลเปล่าเอาไว้แน่น “ เพทายจะรักษามันให้ดีที่สุดเท่ากับชีวิตของเพทายเลยล่ะ ”
ท้องฟ้ากลางเดือนพฤศจิกายนดวงดาวบนท้องฟ้ามันเปล่งประกายสวยงามมากมายจริงจริง
เสียงลมพัดต้นกล้วยข้างบ้านดังกระทบกันพึ่บพับไปมา..
“ ทูน..เพทายเริ่มหนาวแล้วล่ะ ” เด็กหนุ่มใช้แขนบางทั้งสองข้างโอบกอดตนเองเอาไว้..
ลมหนาวที่พัดมาเมื่อสักครู่เป็นสัญญาณบอกถึงฤดูกาลสุดท้ายของปี อีกไม่นานอากาศจะเย็นขึ้น น้ำค้างจะเกาะบนใบไม้ในยามเช้า และเทศกาลแห่งความสุขก็จะมาถึง ไพรทูรย์ลุกขึ้นเดินไปนั่งลงข้างหลังของเด็กหนุ่ม
“ มานี่มา.. ” ชายหนุ่มเอนร่างของเด็กหนุ่มให้พิงลงบนหน้าอกกว้างและโอบกอดเด็กหนุ่มเอาไว้ด้วยแขนแกร่งทั้งสองข้าง
“ อุ่นขึ้นหรือยัง ” ไพรทูรย์เอ่ยถาม
“ เพทายรู้สึกอบอุ่นมากเลยล่ะทูน ” เด็กหนุ่มตอบคำถามแล้วพิงศรีษะลงบนไหล่กว้างของพี่ชาย..
“ ทูนง่วงหรือยัง.. ส่วนเพทา.. ” เด็กหนุ่มหลับตาลงและเข้าสู่ห้วงนิทราบนไหลกว้างของชายหนุ่ม
แววตาเอ็นดูกำลังจ้องมองใบหน้าอ่อนเยาว์ในสภาพนิ่งเฉยตรงหน้า ไพรทูรย์รู้สึกมีความสุขมาก ยามได้นั่งมองใบหน้าของน้องชายตอนหลับไหล ขนตาเป็นแพยาว ริมผีปากบาง แก้มขาวอมชมพูระเรื่อ
ชายหนุ่มถามตนเองเป็นครั้งที่สองว่าทำไมเด็กหนุ่มตรงหน้าถึงไม่เป็นเด็กผู้หญิงนะ.. เขาเอ็นดูเด็กหนุ่มคนนี้เหลือเกิน เขาจะเป็นโรคไบโพลาร์อยู่แล้ว เขาอยากอยู่ข้างข้างเด็กคนนี้ตลอดไป แต่อีกใจหนึ่งก็บอกว่าไม่สมควร..
ติ๊ด ติ๊ด..
เสียงแจ้งเตือนข้อความเพจเจอร์ในกระเป๋ากางเกงของไพรทูรย์ดังขึ้น
บนหน้าจอเล็กมีข้อความแจ้งเตือนเขียนเอาไว้ว่า “ พี่ทูนนอนหรือยัง จูนยืนมองดวงดาวบนท้องฟ้าผ่านกระจกหน้าต่างใสข้างบ้านแล้วคิดถึงพี่ทูนจัง ”
ข้อความเหล่านั้นปลุกสติให้ไพรทูรย์ตื่นขึ้นจากความรู้สึกที่เกิดขึ้น “ พี่กับน้อง แถมยังเป็นผู้ชายด้วยกันอีก.. มันไม่ได้หรอกนะไพรทูรย์ ” ชายหนุ่มเฝ้าบอกตัวเอง..
ชายหนุ่มอุ้มเด็กหนุ่มกลับเข้าไปในห้องนอนแล้ววางร่างบางลงบนหมอนนุ่มที่วางอยู่บนเตียงนอน ผ้าห่มหนาลายดอกชบาสีแดงปกคลุมร่างของเด็กหนุ่มเอาไว้
“ พี่คงทำให้เพทายได้แค่เท่านี้.. คอยดูแลเพทายแบบนี้ตลอดไป ”
ไพรทูรย์ปิดประตูห้องนอนอย่างเบามือ ชายหนุ่มเดินลงจากบันไดแล้วเดินกลับไปที่บ้านของตนเอง
อีกฝั่งหนึ่งกลางใจมือใหญ่ หญิงสาวผิวขาวร่างบางกำลังถือแก้วนมอุ่นมองดูดวงดาวผ่านกระจกหน้าต่างใสข้างบ้าน..
เธอกำลังเฝ้านึกถึงชายหนุ่มตัวสูงในชุดกีฬาขาสั้นกำลังแตะลูกฟุตบอลในสนามกับกลุ่มรุ่นพี่กลุ่มสนิทของเจ้าตัว “ คิดถึงพี่ทูนจัง ”
ติ๊ด ติ๊ด
เพจเจอร์ของหญิงสาวดังขึ้น บนหน้าจอแสดงให้เห็นข้อความยาวที่เขียนบอกไว้ว่า
“ พี่ยังไม่นอนครับ.. พี่พึ่งกลับมาถึงห้อง เมื่อสักครู่ไปนอนดูดาวบ้านน้องชายมาเหมือนกัน ”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนมอุ่นในแก้วหรือข้อความตอบกลับของชายหนุ่มที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นที่ใจขนาดนี้
โต๊ะข้างๆตัวของหญิงสาว กระดาษแข็งตกแต่งด้วยกากเพชรระยิบระยิบหลากหลายสีสันถูกตัดเป็นเส้นยาวเล็กวางเรียงรางอยู่ข้างโหลใสใบใหญ่บนโต๊ะ หญิงสาววางแก้วนมอุ่นลงและเริ่มหยิบกระกระดาษขึ้นมาพับรูปดาววางบงบนโหล
หญิงสาวตั้งใจทำมันด้วยใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก หวังว่าเมื่อวันที่พับได้เต็มโหลใบนี้แล้วหญิงสาวจะมอบมันให้กับชายหนุ่ม
หญิงสาวจินตนาการถึงใบหน้าเขินอายของชายหนุ่มเมื่อได้รับโหลใสที่บรรจุดวงดาวไว้เต็มไปหมดจะเป็นเช่นไร
รอยยิ้มงามแสดงอยู่บนใบหน้าเรียวเล็กของหญิงสาว ไพรทูรย์กลางเป็นแรงบันดาลใจให็หญิงสาวลงมือทำอะไรสักอย่างเสียแล้ว..
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.