ใต้ผ้าห่มอุ่น..เป็นภาพของเด็กหนุ่มตัวเล็กนอนขดอยู่ใต้อ้อมแขนแกร่งของพี่ชายคนโปรด.. เมื่อคืนนี้ไพรทูรย์ค้างที่บ้านของเพทาย เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่ของไพรทูรย์โทรศัพท์มาที่บ้านของเพทายและแจ้งว่าจะกลับบ้านดึกมาก ส่งผลให้สองหนุ่มต้องมานอนร่วมอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน

เช้าวันเสาร์แสงแดดอ่อนกลับมาเยือนภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกครั้ง.. อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป

“ อื้อ.. ทูน ” เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมองดูรอบรอบและพบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดอุ่นของพี่ชาย.. แต่เด็กหนุ่มรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเพราะไม่ชินกับการถูกกอดและถูกจ้องมองจากใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้า แม้เจ้าตัวจะไม่ได้ลืมตาอยู่ก็ตาม..

“ ทูน.. ทายอึดอัด ” เพทายพยายามยกแขนหนักของพี่ชายออกจากการเกาะกุมตัวของเขาเอาไว้ เพทายรู้สึกว่าพี่ชายเหมือนเป็นหมีขั้วโลกเหนือตัวใหญ่ที่กำลังนอนทับเขาอยู่ตอนนี้

“ ออกไปนะ..แขนของหมีใหญ่ ” เด็กหนุ่มยกแขนใหญ่ออกจากตัวไปได้ แต่ทันทีที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นจากเตียงนอน แขนของหมีใหญ่คว้าร่างบางของเด็กหนุ่มเข้าไปเกาะกุมเอาไว้อีกครั้ง

“ ยังนอนไม่อิ่มเลย.. พี่ไม่ให้ไปไหนหรอก..มาให้พี่กอดต่อซะดีๆ นกเพนกวิน ” เสียงทุ้มมีเสน่ห์กล่าวขึ้น

“ อื้อ..ไม่เอา ทายจะไปอาบน้ำ ” ชายหนุ่มยังคงกอดรัดร่างกายของเด็กหนุ่มเอาไว้แน่น

“ ไม่ให้ไปหรอก เพทายตัวหอม พี่ชอบนอนกอด ”

เด็กหนุ่มใช้มือเล็กทุบแผงหน้าอกใหญ่ของพี่ชายไปมาอย่างเบามือ “ ทำไมไม่ใส่เสื้อนอน ” เด็กหนุ่มเอียงหน้าถาม “ ก็เสื้อผ้าของเพทายมันตัวเล็กพี่ใส่ไม่ได้น่ะซิ.. ก็เลยต้องถอดเสื้อนอน ” เด็กหนุ่มทุบแผงหน้าอกของพี่ชายอีกครั้ง “ เสื้อของทายไม่ได้เล็กสักหน่อย ทูนนั่นแหละไม่อยากใส่เอง ” ผู้เป็นพี่ชายหัวเราะเบาๆ ชายหนุ่มรู้สึกขำที่เด็กหนุ่มตรงหน้ารู้ทัน

“ และอากาศเมื่อคืนหนาวเย็นเพราะฝนตกตลอดทั้งคืน.. พี่คิดว่าคงเป็นไข้ซะแล้ว.. แต่พี่ก็นึกขึ้นได้ว่ามีนกเพนกวินนอนอยู่ข้างๆและนกตัวนั้นอุ่นมากเลย ”

เด็กหนุ่มนิ่งเงียบและไม่ได้ตอบอะไรกลับคืนมา..

“ ทำไมถึงเงียบไปล่ะเพทาย.. ” ชายหนุ่มเอ่ยถามร่างบางที่อยู่ใต้การเกาะกุมของเขา

“ ทูน.. ช่วงนี้ทายรู้สึกแปลกๆ..และไม่รู้ว่ามันคือความรู้สึกอะไร ”

ชายหนุ่มรีบปลดเปลื้องแขนแกร่งที่พันธนาการร่างบางเอาไว้ “ พี่ขอโทษ..ไม่แกล้งเพทายแล้วก็ได้ ”

“ ทายไปอาบน้ำก่อนนะ ” เพทายลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินต้วมเตี๊ยมไปเข้าห้องน้ำ เด็กหนุ่มไม่ทันสังเกตท่รทางที่เปลี่ยนไปของพี่ชาย

ไพรทูรย์เริ่มกังวลกับการกระทำที่สนิทสนมเกินไปของตนเอง.. ไพรทูรย์กลัวว่าวันหนึ่งเพทายอาจรู้สึกบางอย่างเกินมากกว่าพี่น้องกับตนเอง และไม่ต้องการให้ตนเองเป็นฝ่ายทำร้ายน้อง แม้ว่าจะเอ็นดูน้องขนาดไหนก็ตาม..

เด็กหนุ่มหยิบแปรงสีฟันที่ถูกทายาสีฟันทับเอาไว้เข้าไปในปาก แล้วก็นึกคิดไปถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อครู่.. เพทายรู้สึกว่ามันอบอุ่นมากมากเลย และต้องการที่จะได้อยู่กับความรู้สึกแบบนี้ต่อไป.. เพทายเริ่มรู้สึกว่าอยากพยายามมองหน้าของพี่ชายตรงๆดูสักครั้ง อยากรู้ว่าแววตาที่พี่ชายมองมาที่ตนเป็นอย่างไร แต่เพียงแค่คิดความหวาดกลัวก็ไหลเข้ามากระทบบนจิตใจจนร่างบางตัวสั่นเทา..

เด็กหนุ่มทำความสะอาดร่างกายเสร็จแล้วเดินกลับมายังห้องนอน แต่พบว่าไม่เจอพี่ชายของตนอยู่ในห้องนอนแล้ว.. เพทายรีบแต่งตัวแล้วเดินดุ่มดุ่มลงไปข้างล่าง เพทายคิดว่าไพรทูรย์คงลงไปหาคุณยายข้างล่างบ้าน.. แต่ก็ได้พบอีกว่าพี่ชายของเขาไม่ได้ลงมาหาคุณยาย แต่คงกลับบ้านไปเสียแล้ว

“ ไม่บอกลากันเลยนะทูน.. ”

ไพรทูรย์เลื่อนรั้วประตูบ้านออกจากกัน บริเวณกว้างหน้าบ้านมีรถนิสสันคันสีขาวจอดเอาไว้ใต้ต้นจำปา ผู้ปกครองของชายหนุ่มกลับมาถึงบ้านแล้ว.. ชายหนุ่มหมุนลูกบิดเปิดประตูบ้าน รองเท้าส้นสูงสีดำถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ บนโต๊ะทานข้าวมีขนมไทยที่ชายหนุ่มชอบทานวางเอาไว้หลากหลายอย่าง

“ อ้าว ทูนลูก.. กลับมาแล้วเหรอ นอนค้างบ้านน้องทายหลับสบายไหม ” สาววัยกลางคนกล่าวขึ้นทักทายผู้เข้ามาใหม่

“ พ่อล่ะครับ ” ชายหนุ่มเอ่ยถามผู้เป็นแม่ทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะทานข้าว

“ อยู่บ้านอีกหลังนึงน่ะลูก.. วันนี้พ่อไม่ได้กลับมาบ้านเรา ”

ไพรทูรย์เผยยิ้มบาง..แล้วลุกขึ้นไปโอบกอดผู้เป็นแม่เอาไว้แน่น..

“ ทูนคิดถึงแม่จังเลยครับ ทำไมเมื่อคืนถึงกลับดึกนักล่ะครับ ” สาววัยกลางคนอมยิ้มกับกริยาท่าทางของลูกชาย “ แม่ติดดูโปรเจคนักแสดงคนหนึ่งในช่องน่ะลูก กว่าแม่จะบินกลับมาถึงที่นี่ก็เช้าแล้ว ”

ชายหนุ่มซบหน้าหล่อลงบนอกของผู้เป็นแม่ “ แล้วแม่ต้องบินไป-กลับแบบนี้อีกนานเลยเหรอครับ ” สาววัยกลางคนถอนหายใจออกมาเบาเบา

“ ก็คงอีกสักพักใหญ่เลยลูก พอปิดโปรเจคไป แม่อาจจะลาออกมาอยู่ที่นี่ถาวร ” ชายหนุ่มเงยหน้าหล่อจ้องมองผู้เป็นแม่ของตน บนใบหน้าสวยมีริ้วรอยจากการอดนอนและความเหนื่อยล้าให้เห็น “ แม่ซูบลงไปเยอะเลยนะครับ พักผ่อนเยอะเยอะหน่อย ผมเป็นห่วง ” ผู้เป็นแม่เผยรอยยิ้มสวยออกมาพร้อมกับโอบกอดลูกชายแน่นขึ้น

“ ขอบใจนะทูน.. แค่ได้เห็นหน้าลูก แม่ก็หายเหนื่อยแล้ว.. ” ไพรทูรย์ผละตัวออกจากอ้อมกอดของสาววัยกลางคนแล้วชี้นิ้วไปที่ขนมไทยบนโต๊ะ “ ทูนกินได้หมดทุกอย่างเลยเหรอครับแม่ ” ผู้เป็นแม่ยกมือสวยขึ้นมาลูบหัวของลูกชายสุดที่รัก “ ได้ทุกอย่างเลยครับ เอ้อ..เอาไปฝากน้องทายด้วยดีไหม ทูนไปรบกวนบ้านเขาอยู่บ่อยบ่อย ” ชายหนุ่มยิ้มบางและเลี่ยงตอบคำถามของผู้เป็นแม่ จากนั้นจึงขอตัวไปอาบน้ำแล้วจะออกมาทำกับข้าวให้แม่ทาน

ชายหนุ่มในชุดไปรเวทมองดูสบายตา จัดการค้นข้าวของที่เหลือในตู้เย็นออกมาวางกองไว้บนโต๊ะทำอาหาร.. วัตถุดิบที่เหลือมีอยู่เพียงไม่กี่อย่าง คือเนื้อหมูบด พริกสด กะเทียม หอมแดง มะเขือเทศ ต้นหอม ผักชี และไข่ไก่ 4 ฟอง ดังนั้น เมนูที่ชายหนุ่มจมันออกมาก็คือ น้ำพริกอ่องกับไข่เจียว

ไพรทูรย์เริ่มโครกพริก หอมแดงและกระเทียมก่อน การใส่หอมหัวแดงลงไปด้วยช่วยชูกลิ่นของอาหารให้หอมมากยิ่งขึ้น สูตรนี้ชายหนุ่มเรียนมาจากคุณยายของเพทาย.. จากนั้นนำส่วนผสมที่โครกเอาไว้ลงไปผัดกับน้ำมันในกระทะไฟกลาง และเทหมูบดลงไปผัดตาม หลังจากกลิ่นหอมจากวัตถุต่างลอยขึ้นแตะจมูก ชายหนุ่มหั่นมะเขือเทศออกเป็นชิ้นเล็กๆแล้วนำลงไปผัดผสมกับหมูบดในกระทะ จากนั้นลดไฟให้อ่อนลงแล้วทิ้งส่วนผสมทั้งหมดไว้สักระยะ เมื่อมะเขือเทศอ่อนตัวแล้วชายชายหนุ่มใช้ตะหลิวบดขยี้ให้เนื้อของมะเขือเทศละเอียดเป็นเนื้อเดียวกันแล้วปรุงรสด้วยซอสปรุงรสตามเด็กอ้วนตามด้วยน้ำนาลและเกลือ เทอาหารใส่ถ้วย และเป็นอันเสร็จสิ้น

ชายหนุ่มตักบ้างสวยที่พึ่งหุ่งเสร็จเมื่อครู่ใส่จานแล้วใบ แล้วเสิร์ฟน้ำพริกอ่องถ้วยใหญ่ลงบนโต๊ะ และไข่เจียวที่ตามมาทีหลัง

จากนั้นชายหนุ่มเดินไปเคาะประตูห้องนอนของผู้เป็นแม่และแจ้งว่าตนทำอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ก๊อก ก๊อก

“ แม่ครับ ผมทำกับข้าวเสร็จแล้ว ออกมาทานด้วยกันซิครับ ”

สาววัยกลางคนในชุดไปรเวทมองดูสบายตา ดูดีไม่แพ้ลูกชายของเธอเลย.. เธอมองดูลูกชายตัวสูงของเธอด้วยความเอ็นดูและคิดไปว่า ถ้าเขาโตขึ้นกว่านี้ต้องเป็นดาราได้แน่ หน้าตาระดับเขานี่แหละ สาวสาวจะต้องกรี๊ดกร๊าดกันแน่นอน

“ ทูน.. มีแฟนหรือยังลูก ” ผู้เป็นแม่ถามคำถามโดยที่ไม่ให้ลูกชายได้ทันตั้งตัว.. ชายหนุ่มแสดงสีหน้าเขินอายออกมา “ แม่ถามอะไรครับเนี่ย ”

ผู้เป็นแม่เอื้อมแขนไปตักเอาไข่เจียวซีกหนึ่งลงไปวางไว้บนจานข้าวของลูกชาย “ ไม่เห็นต้องตกใจเลย ทูนก็อายุตั้งสิบเจ็ดแล้ว ไม่ไปจีบสาวที่ไหนบ้างเหรอ ”

ไพรทูรย์เอียงหน้าไปด้านข้างและหลบสายตาคุณแม่และหยักคิ้วขึ้นสูงหนึ่งข้าง ชายหนุ่มพยายามเลียนแบบท่าทางของเพทายเนื่องจากเขินอายที่จะตอบคำถามคุณแม่

“ ก็.. มีผู้หญิงส่งตลับเทปมาให้ผมด้วยครับแล้วพวกเราจะนัดเจอกันหลังเลิกเรียนวันจันทร์หน้า ” สาววัยกลางคนกุมมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้ “ สุดยอด.. ลูกฉันโตเป็นหนุ่มแล้วจริงจริงซินะ ” ทั้งสองคนสลับกันเล่าเรื่องราวที่เจอมาก่อนถึงสุดสัปดาห์นี้ให้กันและกันฟัง แม่กับลูกพยายามจะใช้เวลาในช่วงทานข้าวทดแทนช่วงที่อยู่ห่างจากกันให้มากที่สุด

เสียงรถสามล้อเครื่องดังมาตามทางและหยุดจอดที่หน้าบ้านของเพทาย

“ เท่าไหร่ครับลุง ” ชายสูงอายุหันหน้ากลับมาตอบชายร่างท้วมที่นั่งอยู่หลังรถ “ สามสิบบ้านครับ ” หนุ่มร่างท้วมควักเศษเงินจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ออกมาวางลงบนมือของชายสูงอายุ บนมือหนากระด้างคือเหรียญสิบทั้งหมดสามเหรียญ

“ ขอบคุณครับ ” สามล้อเครื่องกลัยรถและขับเคลื่อนออกไปยังนอกพื้นที่บ้านของเพทาย ชายวัยกลางคนร่างท้วมหยุดยืนอยู่ตรงประตูรั้วหน้าบ้าน “ ไม่ได้กลับบ้านมากี่ปีแล้วนะ.. ” ชายวัยสี่สิบห้าปีเปิดประตูรั้วหน้าบ้านออก แล้วแบกสัมภาระเดินเข้าไปในบ้าน เขาเดินสำรวจไปทั่วบ้านแล้วก็พบกับเด็กหนุ่มร่างบางกำลังนั่งฟังเพลงจากเทปคาสเซ็ตของพี่ชายที่ลืมทิ้งเอาไว้บนโซฟาไม้ในบ้าน หนึ่งในนี้นั้นมีเพลงสากลที่ชื่อว่า Nothing’s gonna change my love for you ซึ่งเพทายชอบมันเอามากและฟังมันวนเกินสิบรอบได้แล้ว

“ เพทาย! ” ชายร่างท้วมเสียงทุ้มใหญ่ตะโกนเรียกชื่อของเด็กหนุ่มเสียงดังจนทำให้เจ้าตัวตกใจ เด็กหนุ่มเกร็งตัวและเริ่มหายใจติดขัด เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลพรากลงบนแก้มแดง นิ้วมือหงิกงอ ดวงตาเบิกกว้าง ลูกตาขาวโพลน ม่านตาหุบเล็กลง เด็กหนุ่มยกมือที่หงิกงอทั้งสองข้างขึ้นมาทุบที่ศรีษะของตนเองพร้อมกับกรีดร้องออกมา หูฟังคาสเซ็ตหล่นลงจากหูสู่พื้นปูนข้างล่าง

หญิงชราเปิดประตูมุ้งรวดหลังบ้านและรีบวิ่งออกมาดูหลานชาย “ ไอ้ทาย! เป็นอะไรลูกใครทำอะไรเอ็ง ” ภาพตรงหน้าหญิงชราเป็นชายร่างท้วมกำลังดึงตัวเด็กหนุ่มเข้าไปโอบกอด เขายกมือขึ้นมาลูบหัวเด็กหนุ่มแล้วกล่าวขอโทษอยู่เป็นระยะ “ ไอ้สิน.. ” หญิงชราหัวใจเต้นแรงและหายใจสั่นถี่ ลูกชายคนโตของเธอกลับบ้านในรอบสิบปี.. ชายร่างท้วมเงยหน้ามองหญิงชราที่เรียกชื่อตนบนใบหน้าเศร้า..“ แม่.. ผมขอโทษ ”

เสียงกรีดร้องของเด็กหนุ่มดังไกลถึงบ้านของไพรทูรย์ สองแม่ลูกลุกขึ้นจากเก้าอี้ทานข้าวและรีบเดินจ้ำอ้าวไปที่บ้านของเพทาย

“ เพทาย!.. ” ไพรทูรย์เหมือนคนสติหลุดเมื่อเห็นภาพน้องชายทำร้ายตัวเองบนอ้อมกอดของชายร่างท้วม และเด็กชายยังคงทุบศรีษะของตัวเองไม่ยอมหยุด

เพทายวิ่งเข้าไปแยกชายร่างท้วมออกจากเพทายและพยุงตัวของเด็กหนุ่มเอาไว้ “ เพทายตั้งสติ! มองหน้าพี่ พี่อยู่นี่! เลิกทำร้ายตัวเองก่อนนะ เพทาย! ” ชายหนุ่มรั้งมือทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มมากุมเอาไว้ หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นแรงขึ้นมากกว่าเดิมและเด็กหนุ่มหายใจถี่มากขึ้น เพทายตัดสินใจปล่อยมือที่กุมมือของเด็กหนุ่มอาไว้และโอบกอดเด็กหนุ่มเอาไว้แทน ร่างกายของเด็กหนุ่มแข็งทื่อ.. เพทายยกมือขึ้นมาลูบหัวของเด็กหนุ่มเบาๆ แล้วก็พูดออกด้วยท่าทีเรียบง่าย “ ไม่เป็นนะครับทาย ค่อยค่อยหายใจ ไม่ต้องคิดมาก ไม่มีอะไรทำร้ายทายได้แล้ว ” เมื่อชายหนุ่มพูดจบ เด็กหนุ่มกลับมาได้สติและค่อยๆผ่อนลมใจเข้าออกช้าๆ ทุกอย่างค่อยๆกลับมาเป็นปกติเช่นเดิม “ ทูน.. ทายตกใจ มันทำให้ทายนึกถึงพ่อ.. ” แล้วเพทายก็หมดสติไปต่อหน้าของไพรทูรย์ “ ทาย..ทาย! ” ชายหนุ่มรีบยกนิ้วมือขึ้นมาตรวจจับชีพจรของเด็กชาย แล้วพบว่าชีพจรยังคงเต้นอยู่..ชายหนุ่มถึงรู้สึกวางใจ

ชายร่างท้วมลุกขึ้นจากพื้นและเดินไปยืนข้างๆหญิงชราผมขาว แล้วพูดขึ้นมาว่า “ พ่อมันทิ้งรอยร้าวเอาไว้ให้มันเต็มไปทั้งหมดตัวเลยนะแม่.. ทั้งร่างกายและจิตใจ น่าสงสารมันจริงจริง ”

สถานการณ์กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง.. ไพรทูรย์อุ้มเพทายขึ้นไปนอนพักอยู่บนห้องนอน เมื่อแน่ใจว่าเด็กชายไม่เป็นอะไรแล้ว จึงขอตัวกลับบ้านไปกับแม่ ส่วน “ วสิน ” หรือ “ สิน ” ลูกชายคนโตของหญิงชรานามว่า “ วรัสดี ” กำลังเตรียมวัตถุดิบต่างๆในการทำขนมครกให้ผู้เป็นแม่ “ แกหายหัวไปไหนมาไอ้สิน ” หญิงชราเอ่ยถาม.. “ ตั้งแต่น้องตายผมก็ออกมาใช้ชีวิตเอง ผมเกลียดที่ต้องเห็นหน้าไอ้หมอนั่น..และต้องขอโทษที่ผมมันเห็นแก่ตัวที่ทิ้งหลานเอาไว้ให้แม่ดูแล.. ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ผมแค่อยากหยอกหลานเล่นเพียงเท่านั้น ไม่นึกว่ามันจะรุนแรงถึงเพียงนี้ ”

หญิงชราถอนหายใจแล้วพูดขึ้นต่อว่า “ แพทย์ประจำตำบลเขาบอกว่า ที่ไอ้ทายมันเป็นแบบนี้คืออาการออทิสติกสเปกตรัม เขาบอกว่ามันไม่สมประกอบและมันก็ใช้ชีวิตแบบนั้นมาตลอด ไม่มีเพื่อน มีแค่แม่กับพี่ข้างบ้าน.. แต่แม่ก็ไม่เชื่อหรอกว่ามันเป็นออทิสติก ตอนมันอายุหกขวบ..ตอนที่แม่มันยังอยู่ มันเหมือนเด็กปกติจะตาย.. อยากพามันไปตรวจในโรงพยาบาบที่มีหมอดีดี.. ค่าตรวจก็แพงแสนแพง แม่จนปัญญาเลยเลี้ยงมันมาเท่าที่เลี้ยงได้ ” วสินยกอุกปรณ์ทำขนมขึ้นรถเข็นแล้วเดินกลับมานั่งรถข้างๆผู้เป็นแม่ “ แล้วพ่อมันล่ะ.. หายหัวไปไหน ” พอวสินพูดเรื่องนี้ขึ้นมา หญิงชรามีท่าทีหงุดหงิดขึ้นมาทันที “ อย่าไปพูดถึงไอ้คนพรรค์นั้น! หลานคนเดียวแม่เลี้ยงได้! เราเลิกคุยกันเรื่องนี้เถอะวสิน แม่จะเตรียมตัวไปขายขนม แม่ฝากดูแลไอ้ทายมันด้วยนะ ” หญิงชราลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไป

เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นกลางบ้านใหญ่ “ สวัสดีครับ ” ไพรทูรย์กดรับสายที่ดังขึ้น “ ไอ้ทูน มึงอยู่ไหนวะ ” เป็นเสียงไอ้ธาร เพื่อนสนิทของไพรทูรย์

“ อยู่บ้าน มึงมีไรเปล่าวะ ” ปลายสายเงียบเสียงไปสักครู่ จากนั้นเสียงของหญิงสาวคนคุ้นเคยดังลอดหูโทรศัพท์ขึ้นมา..

“ พี่ทูนเหรอคะ.. จูนเอง ” ชายหนุ่มนั่งนิ่งตัวแข็งทื่อแม้ว่าจะกำลังยกหูโทรศัพท์แนบหูตนเองอยู่ “ วันนี้เขากินเลี้ยงวันเกิดน้องพี่ธารกัน พี่ทูนไม่มาด้วยเหรอคะ ”

ขณะหญิงสาวกำลังพูดเสียงของเพื่อนสนิทไพรทูรย์ก็ดังแทรกขึ้นมา “ มันมาไม่ได้หรอกน้องจูน มันเลี้ยงลูกอยู่บ้าน! ” แล้วเสียงหัวเราะของกลุ่มเพื่อนชายก็ดังเล็ดรอดผ่านหูโทรศัพท์เข้ามา

“ น้องจูนพี่ฝากไปบอกเพื่อนรักพี่หน่อยว่า.. ไอ้ธาร ปากดีนักนะมึง อย่าให้กูต้องฟ้องแม่มึงว่ามึงแอบไปซื้อแผ่นซีดีเรื่องอะไรมาเก็บเอาไว้ในห้อง ” หญิงสาวหัวเราะคิกคักแล้วทำตามคำสั่งของชายหนุ่ม “ แต่พี่ทูนจะไม่มาจริงเหรอ.. จูนเหงาแย่เลย ”

ไพรทูรย์สูดลมหายใจเข้าลึกและตอบกลับหญิงสาวตามความเป็นจริง “ วันนี้แม่พี่พึ่งกลับมาที่บ้านหลังจากทำงานต่างจังหวัดหลายวันครับ พี่อยากใช้เวลาอยู่กับแม่ แล้วเดี๋ยวเราค่อยไปเจอกันวันจันทร์ก็ได้เนอะคนเก่ง ” ปลายสายงอแงอยู่สักพัก แต่ก็ยอมเข้าใจแต่โดยดีและกดวางสายไป..

แต่ความจริงอีกเรื่องหนึ่งที่ไพรทูรย์ยังไม่ได้บอกกับหญิงสาวคือเจ้าตัวยังคงเป็นห่วงน้องชายบ้านข้างๆอยู่มากเหลือเกิน..

“ จูน ” คือรุ่นน้องโรงเรียนตรงข้ามของไพรทูรย์.. จูนรู้จักกับธารธาดามาเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว และธารธาดาก็รู้ว่าจูนสนใจเพื่อนสนิทของตน แต่ธารธาไม่เคยรู้ว่าสองคนนี้แอบคุยกันมาได้สักพักแล้ว..

ชายหนุ่มวางหูโทรศัพท์ลงและนั่งตัดสินใจอยู่นานว่าจะไปดูอาการของเพทายอีกสักครั้งดีไหม..

Author's notification:

เตรียมตัวให้ดีนะคะ.. ระเบิดลูกใหญ่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้ว . :)

Previous Next
You can use your left and right arrow keys to move to last or next episode.
Leave a comment Comment

Waiting for the first comment……

Please to leave a comment.

Leave a comment
0/300
  • Add
  • Table of contents
  • Display options
  • Previous
  • Next

Navigate with selected cookies

Dear Reader, we use the permissions associated with cookies to keep our website running smoothly and to provide you with personalized content that better meets your needs and ensure the best reading experience. At any time, you can change your permissions for the cookie settings below.

If you would like to learn more about our Cookie, you can click on Privacy Policy.