สวมบทนักศึกษาฝึกงาน
"สายแล้ว สายแล้ว"
ฉันยกข้อมือซ้ายดูเวลาอีกครั้ง พอลงจากรถเมล์ได้ก็ใส่เกียร์หมาวิ่งแบบไม่คิดชีวิต
แฮ่ก! แฮ่ก!แฮ่ก! วิ่งหอบจนลิ้นห้อยแต่ใจสู้สุดชีวิตมองหาจุดหมายอยู่ที่ลิฟต์
"รอด้วยค่า รอด้วยค่า" ฉันใช้พลังเสียงเซอร์ราวด์รอบทิศทาง ทำให้ลิฟต์เปิดออกในทันที
รีบยื่นขาขาวๆเข้าไปในลิฟต์ โดยไม่ลืมขอบคุณผู้มีพระคุณในเช้านี้ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร ฉันจึงพนมมือไหว้รอบทิศทางทั่วทุกคนได้รับอานิสงส์ไปพร้อมกัน แล้วพ่นลมหายใจหอมสดชื่่นออกมาจนผมหน้ามาปลิวไสว
พรืด...
"ขอบคุณค่ะ..."
นิ้วเรียวกดปุ่มลูกศรขึ้นทันทีมองดูที่ตัวเลข 5 แสดงว่ามีคนขึ้นไปชั้นเดียวกัน คราวนี้ลิฟต์ปิดอีกครั้งทุกคนอยู่ในความสงบ มีสายตาหลายคู่แอบเหล่มองมาที่ฉันแล้วเลื่อนสายตาไปที่บัตรพื้นสีฟ้าตัวหนังสือสีดำที่คล้องคออยู่
นักศึกษาฝึกงาน ที่มีทั้งชื่อจริงและชื่อเล่นพร้อมรูปแบบเก๋ไก๋ของฉันแล้วอมยิ้มเอ็นดูในความน่ารัก
สร้างสีสันเล็กๆแหละ...
ฉันไม่รู้ว่ามะโนไปเองหรือเปล่า ว่าหลายคนแอบอิจฉาในความขาวใส ผิวขาวอมชมพูเห็นเลือดฝาดดูมีสุขภาพดี ที่ฉันได้มาจากว่านหางจรเข้ในกระถางหลังห้องที่ใส่ปุ๋ยรดน้ำเอาใจใส่อย่างกับลูกในอก บางวันก็เปิดเพลงให้ฟังด้วยจะได้งามๆโตเร็วๆ
ฉันขยับตัวหลบพวกพี่ๆเขาออกจากลิฟต์ จนถึงชั้นที่ 5 บนสุดเหลือเพียงฉันกับผู้ชายตัวโต ที่ยืนอยู่อีกฟากหนึ่งด้านซ้ายมือตัวฉันยืนติดกับแผงควบคุมแอบเหล่มองเขาดูจากเงาแล้วน่าจะหล่อ
เขาสวมสูทแต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายราคาแพงโชยเข้าจมูก ฉันแอบคิดในใจคิดว่าเขาคงไม่รู้ตัวที่โดนแอบมองแบบนี้
โดยไม่ทันเห็นยิ้มเย็นที่มุมปาก
เด็กสมัยนี้นี่มัน
ตึ๊ง!... ลิฟต์จอดที่ชั้น 5 ประตูเปิดออกอัตโนมัติ ฉันจึงหันหน้ามองไปทางเขา
"เชิญครับ..." เขาผายมือให้และกดปุ่มเปิดไว้ให้อีกอย่างสุภาพบุรุษ ฉันจึงพุ่งตัวออกมาทันทีกลัวลิฟต์ปิดจนกระโปรงพลีทแทบโบยบิน
เดี๋ยวเขาจะมาด่าฉันว่าเงอะงะ
@ ห้องกรรมการผู้จัดการ
ฉันเดินผ่านห้องรองประธานกรรมการ ที่ทุกวันปิดไฟมืดแต่วันนี้มาแปลกในห้องเปิดไฟสว่างไสว หันไปมองเพียงแว่บเดียวแล้วเดินเลยมาอย่างไม่ใส่ใจนัก
"สวัสดีค่ะพี่อร" ฉันยกมือไหว้พี่อรซึ่งเป็นเลขาเก่าแก่ของคุณธนัท กรรมการผู้จัดการใหญ่แล้วนั่งลงที่โต๊ะทำงานของตนเอง วางถุงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ไว้ให้พี่อรหนึ่งชุดแล้วเดินเข้าห้องน้ำหวีผมใหม่ให้เรียบร้อยตบแป้งเพิ่มอีกนิดหยิบลิปกลอสที่ได้จากไลฟ์สดเมื่อวานทาบางๆ
"อืม ลิปกลอสเขาดีจริง" แก้มไม่ต้องปัดเพราะอมชมพูอยู่แล้ว ฉันหันซ้ายหันขวาสำรวจจนแน่ใจว่าดูดีจึงออกจากห้องน้ำกลับไปที่โต๊ะทำงานของตนเอง
หย่อนก้นลงไปนั่งยังไม่ถึงห้านาที
"น้ำขิง คุณธนัทเรียกจ๊ะ"
"ค่ะพี่อร" ฉันรีบลนลานลุกจากโต๊ะรีบเดินตรงเข้าในห้องทันที
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ฉันเคาะประตูห้องตามมารยาท
"เชิญครับ"
"สวัสดีค่ะคุณธนัท" ฉันพนมมือไหว้แล้วนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับคุณธนัท
คุณธนัทเป็นผู้มีพระคุณที่เอ็นดูฉันมากที่สุดรองจากพ่อกับแม่
คุณธนัทคือผู้ที่ฉันช่วยจากอาการโรคหัวใจกำเริบ ในงานมอเตอร์โชว์เมื่อปีที่แล้ว (อาการท่านมากำเริบที่หน้าบูธพอดี)
คุณธนัททิ้งนามบัตรไว้ให้และได้ไลน์จากฉันไป วันนั้นฉันก็ยังงงๆอยู่ว่าให้ไลน์ไปได้ยังไง
"หนู มีอะไรให้อาช่วยก็บอกได้นะ" เสียงทุ้มอบอุ่นกอปรกับใบหน้าขอคนใจดีทำให้ฉันรู้สึกดีเหมือนมีพี่พึ่ง
ใครจะไปรู้...
จากนั้นคุณธนัทซึ่งรู้ว่าฉันต้องทำงานส่งตัวเองเรียนก็เรียกใช้ฉันตลอดจนขึ้นปีสี่ เมื่อถึงเวลาต้องหาที่ฝึกงานที่ให้ประสบการณ์ที่ดี จนฉันได้มาฝึกงานที่นี่ในฐานะนักศึกษาฝึกงานกับบริษัทผู้ผลิตเบียร์ชั้นนำของประเทศไทย ซึ่งรับนักศึกษาฝึกงานยากมากจนถึงมากที่สุด
คนดีพระย่อมคุ้มครอง...
หลังจากที่ฉันไปบนบานศาลเจ้าที่หน้าอพาร์ทเม้นท์ให้ได้ฝึกงานที่นี่ แต่เหตุการณ์มาพีคตอนแก้บนนี่สิ
ฉันล่ะอายเขาไปทั้งตึก
สไบเฉียงของฉันปลิวไสวท่ามกลางเสียงเพลงไทยเดิมดังก้องไปทั้งตึกโดยได้รับกำลังใจอย่างล้นหลาม ภาพของหญิงสาวสไบเฉียงจึงถูกบันทึกไว้ในเฟสบุ๊ค ของอพาร์ทเม้นท์เป็นที่เรียบร้อยนับจากนั้นสืบมา
"สวัสดีค่ะ คุณธนัท" ฉันนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับคุณธนัท
"คุณธนัทมีอะไรให้น้ำขิงรับใช้คะ"
"หนูน้ำขิงมาฝึกงานได้กี่วันแล้ว?"
ฉันนั่งนับนิ้วในใจ มองไปที่ปฏิทินตั้งโต๊ะ
"ได้ สิบวันแล้วค่ะ ประมาณสองอาทิตย์ค่ะ"
"น้ำขิงทำงานไม่ดีเหรอคะ" ฉันถามด้วยความสงสัยคิดอยู่ในใจว่า ซวยแล้ว คุณธนัทต้องเรียกมาตำหนิแน่เลยสีหน้าฉันย่ำแย่เต็มทน
"เปล่า..เปล่า.. " คุณธนัทคลี่ยิ้มออกมาสายตาอบอุ่นมากทำให้ฉันคิดถึงพ่อขึ้นมาในทันที
"ตาธามลูกชายอา"
"ค๊ะ! " ฉันกรอกตาไปมาอย่างไม่เข้าใจธามคือใครเพิ่งเคยได้ยินชื่อก็วันนี้
"ธามนิธิ ตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ"
"เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของอา เขาจะเข้ามารับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการในวันนี้"
"อาเรียกเขากลับมาจากโรงงานที่นครปฐม"
ฉันนั่งฟังอย่างตั้งใจพอดีกับประตูห้องถูกเคาะอีกครั้ง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ฉันเหลียวไปมองตามเสียงเคาะนั้นอย่างตั้งใจ
"ผมธามครับ"
"เข้ามาได้..."
ประตูเปิดออกโดยเขาผู้ที่เจอกันในลิฟต์ ตอนนี้ถอดสูทออกแล้วหล่อระเบิดเท่อย่างกับนายแบบ
เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าเนื้อดี น่าจะราคาแพงผูกเนคไทดูมีคลาสฉันประเมินด้วยสายตาของแม่ค้าออนไลน์ สายตาเขายังมองมาที่ฉันอีกด้วยแต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นฉันกำลังจะยกมือไหว้ เขาก็มองเลยไปที่คุณธนัทซะงั้น ฉันเลยค้างกลางอากาศเอามือลงแทบไม่ทัน
"สวัสดีครับพ่อ" เขาพนมมือไหว้แล้วนั่งที่เก้าอี้อีกตัวใกล้ๆกัน
"ไง ตาธาม กลับมาเมื่อไหร่ไม่เห็นเข้าบ้านเลย"
ฉันผู้เป็นส่วนเกินพยายามที่จะไม่ฟังพ่อลูกเขาคุยกันทำทีมองไปทางอื่น เก็บมือไว้บนตักอย่างสุภาพ
"ผมออกจากโรงงานเมื่อวานตอนเย็น ถึงคอนโดประมาณสามทุ่มครับ"
เออ...คนรวยนี่ก็แปลกบ้านออกจะหลังใหญ่หลังโต แต่ชอบไปนอนคอนโดกันเนอะ
ขนาดไม่อยากฟังฉันก็จับใจความได้ทุกเม็ด
"เดินทางไกล ผมเพลียเลยไม่ได้เข้าไปหาพ่อครับ"
ฉันแอบเบ้ปากฟอร์มชัดๆก็เห็นอยู่สงสัยไปนอนกับเมียมากกว่า
ทรงนี้...
คุณธนัทระบายใบหน้าอ่อนโยนอีกครั้ง แล้วจึงเข้าเรื่อง
"นี่หนูน้ำขิง" ฮะ! ฉันหันขวับตามเสียงเมื่อถูกพาดพิง
"สวัสดีค่ะ" คราวนี้ฉันรีบพนมมือไหว้ทันที กลัวว่าเขาจะไม่มองอีกเป็นครั้งที่สอง
"เป็นนักศึกษาฝึกงานที่พ่อรับมา"
"ครับ..." ใบหน้าคมยกคิ้วขึ้นมองมาทางฉันอย่างสงสัย
"ให้หนูน้ำขิงไปช่วยงานนะ"
คราวนี้ท่านรองประธานมองมาทางฉันอีกครั้ง ที่นั่งเอ๋อทำสีหน้างง เขาชักสีหน้าไม่พอใจมองหน้าฉันอย่างเอาเรื่อง
"ผมไม่เอานักศึกษาฝึกงาน"
"ผมต้องการผู้ช่วยมืออาชีพ" เสียงเขาที่ทุ้มนุ่มในตอนแรกช่างเสียดแทงเข้ากลางใจจนฉันแทบตกเก้าอี้
ใช่น่ะสิ ฉันเป็นแค่นักศึกษาฝึกงาน แล้วจะยังไง? ฉันอยากถลึงตาใส่ท่านรองนักแต่ไม่กล้าพอเกรงใจคุณธนัท
รู้สึกได้ว่าบรรยากาศอึดอัดพอสมควร
คุณธนัทผ่อนลมหายใจมือประสานกันบนโต๊ะ
"หนูน้ำขิงเขาเก่ง เนี่ยว่าที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเชียวนะ"
"วันนี้เขายังเป็นแค่นักศึกษาฝึกงาน"
"ต่อไปเขาอาจจะเป็นที่ปรึกษาการลงทุน"
"ที่เราต้องแย่งตัวมาก็ได้" อุตส่าห์ยกแม่น้ำทั้งห้ามาก็แล้ว ท่านรองฯก็ไม่สนองตอบ ทำสีหน้าไม่พอใจใบหน้าหล่อยับยู่ยี่ต่อรองกับท่านประธานด้วยสายตา
คุณธนัทเหมือนจะรู้ว่าฉันอึดอัด จึงพยักหน้าให้ฉันออกจากห้องไปก่อน
ฉันจึงลากขาทั้งสองออกมาด้วยความหดหู่ แต่ก็แอบโกรธเขาอยู่บ้าง
"ชิ!..เป็นแค่นักศึกษาฝึกงาน"
"แล้วไง?" ฉันโกรธเขาที่ดูถูกความสามารถออกจากห้องมาอย่างพาลๆ แล้วนั่งแหมะที่เก้าอี้ ทำปากเบ้ ปัดผมหน้าม้าระบายอารมณ์ หยิบแฟ้มรายงานการประชุมออกมาแล้วพิมพ์อย่างคล่องแคล่วเร่งรีบกดนิ้วลงแป้นพิมพ์แทบพัง
ยังมีงานกองบนโต๊ะอีกมากฉันจึงตั้งสมาธิแล้วใส่ใจกับงานให้สมกับที่คุณธนัทอวย นั่งทำงานไปได้สักพักก็รู้สึกได้ว่ามีเงามืดเงาหนึ่งอยู่ด้านหลังและสายตาอีกคู่มองมา
หางตาฉันทำงานได้ดี
"เก็บของแล้วตามผมมา" เสียงดุ เสียงหนักแน่นจงใจพูดใส่ฉันแต่เพียงผู้เดียว
เอาแล้วไงชีวิตฉัน
ฉันภาวนาในใจนับจากนี้คงต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลโลก ช่วยหนูด้วยนะคะ
พลีสสสส...
สาธุ
"คุณน้ำขิง..."
เขาเรียกอีกแล้ว
"ค้าาาาาา..."
“จะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” บทเขาจะมาเอาฉันขึ้นมาก็ใจร้อนเป็นคนคลั่งรักไปได้
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.