เรียกว่า...คุณธาม
ในที่สุดฉันก็อยู่ในรถปอร์เช่ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแรงและเร็วโดยมีท่านรองฯเป็นคนขับ ฉันนั่งหลังพิงเบาะตัวตรงด้วยความเกร็งภายในรถไม่มีการพูดคุยใดๆ ทุกอย่างเงียบสงบ
จนเขาต้องเปิดเพลงเพื่อทำลายความเงียบให้ฟัง จนฉันเคลิ้มไปกับเสียงเพลงกำลังจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ แต่แล้วเมื่อได้ยินเสียงเพลงวิญญาณของดีเจก็มาสะกิดให้คิดถึงงานของคืนนี้
"ตายละวาคืนนี้มีงาน" พอนึกถึงคืนนี้ฉันแทบไม่มีเวลาเตรียมตัว ภาวนาขอให้กลับไปทันผับเปิดเป็นพอ เพลงที่เคยเตรียมไว้มีหลายแทร็คให้ใช้งานได้เมื่อยามคับขัน
การเดินทางจากกรุงเทพฯถึงนครปฐมกินเวลากว่า 2 ชั่วโมงคิดคำนวณแล้วน่าจะเฉียดฉิว
@ โรงงาน
ฉันถือกระเป๋าเอกสารและโน้ตบุ๊กของท่านรองฯเดินตามเข้าไปในออฟฟิศของโรงงาน ตื่นตาตื่นใจกับทัศนียภาพโดยรอบ เมื่อเข้าไปในออฟฟิศฉันยกมือไหว้ทุกผู้ทุกคนไปตลอดทางตั้งแต่ปากประตูจนถึงด้านใน
"สวัสดีค่า"
"สมัยหน้าคุณจะลงสมัคร สส.เหรอ?" สิ้นเสียงดุๆของเขา ฉันหุบยิ้มทันทีแกล้งทำสีหน้าเศร้าสลดเดินตามท่านรองฯอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อยขึ้นทันตาเห็น
คนอะไรชอบดับฝันคนอื่น คุณธนัทก็ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้
อดีตดาวมหาวิทยาลัยอย่างฉันก็ต้องสงบเสงี่ยมเป็นธรรมดา
@ ห้องผู้อำนวยการโรงงาน
เขาผลักประตูห้องผู้อำนวยการโรงงานนำฉันเข้าไปก่อน ฉันทำหน้าที่เปิดไฟเปิดแอร์ยื่นกระเป๋าเอกสารและโน้ตบุ๊กวางไว้บนโต๊ะทำงานแล้วมองไปรอบๆห้อง สงสัยอยู่ว่าท่านรองฯจะให้ผู้ช่วยอย่างฉัน ที่เขาอุตส่าห์หอบหิ้วมาจากกรุงเทพฯนั่งตรงไหนกันแน่
"โต๊ะคุณอยู่หน้าห้อง" เขาบอกเหมือนรู้ว่าฉันมองหาอะไร พอมาถึงถิ่นเก่าท่านรองฯก็ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวกับวันแรกที่เจอกัน เขามักชอบทำเสียงดุใส่ตลอดเวลา
ว่างๆ ฉันก็อยากรบกวนท่านรองฯให้ไปเฝ้าบ้านที่ขอนแก่นให้พ่อกับแม่บ้าง
"ค่ะ มีอะไรก็เรียกนะคะ" ฉันรีบเดินออกมาจากห้องทันทีแล้วนั่งประจำที่หน้าห้อง ว่างๆไม่มีอะไรทำจึงศึกษาLay Outของที่นี่ไปพลางๆ บัตรพนักงานที่มีคำว่านักศึกษาฝึกงานกับชุดนักศึกษา ดึงดูดให้เจ้าหน้าที่หลายท่านแวะเวียนมาทักทายไม่ขาดสาย
ฉันนั้นก็เพลิดเพลินมากเหมือนกัน
ตึ๊ง...ตึ่ง เสียงไลน์เข้า
เป็นท่านรองฯ นั่นแหละที่ไลน์มาหาฉัน
"ผมขอกาแฟ"
"ค่ะ..."
ฉันตอบไลน์แล้วมุ่งหน้าไปที่ห้องอาหารส่วนกลางในทันที ตลอดเส้นทางฉันก็แจกยิ้มเรี่ยราดไปเรื่อย
"ขอชงกาแฟให้ท่านรองฯหน่อยค่ะ"
"เชิญค่ะ" คุณแม่บ้านประจำออฟฟิศก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เตรียมแก้วและกาแฟให้ครบครัน
เสร็จแล้วก็เสิร์ฟสิคะรออะไร รับรองว่าท่านรองฯต้องติดใจรสมือเธอแน่ๆ
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก เคาะประตูห้องก่อนตามมารยาทนิดนึง เดี๋ยวเขาจะดุเอาอีก
"กาแฟมาแล้วค่ะ"
"เชิญครับ" ฉันวางแก้วกาแฟที่ควันโชยออกมาหอมกรุ่นวางให้ท่านรองฯ กำลังจะหมุนตัวกลับที่เดิมคือหน้าห้อง ต้องชะงักเมื่อเขาถาม
"คุณจัดคิวนัดกับผู้จัดการตามที่ผมแจ้งไว้แล้วใช่ไหม"
"ค่ะ น้ำขิงส่งไลน์ไปแล้วค่ะ"
จากนั้นตลอดครึ่งวันเช้า ท่านรองฯก็มีประชุมและนัดคุยงานกับผู้จัดการแผนกต่างๆไม่ได้หยุดพักจนถึงพักเที่ยง
"เที่ยงแล้วไปกินข้าวกัน"
"ที่ไหนคะ?" ฉันวางมือจากงานแล้วหยิบกระเป๋าสะพายมาคล้องไหล่ เตรียมท่าเดินตามท่านรองฯไปกินข้าว
@ โรงอาหาร
โรงอาหารของที่นี่มีอาหารมากมายให้เลือกหน้าตาถือว่าไม่เลวแต่ระดับท่านรองฯย่อมต้องแยกจากพนักงานเป็นเรื่องธรรมดา
ห้อง VIP ถูกเปิดใช้พร้อมกับอาหารรอแล้วที่โต๊ะ
เขานั่งลงแล้วส่งสายตาให้ฉันนั่งลงโต๊ะเดียวกัน
"จะดีเหรอคะ"
"น้ำขิงไปกินข้างนอกดีกว่าค่ะ"
เขาส่ายหน้าไม่เห็นด้วยผายมือให้นั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกัน
"เชิญคุณน้ำขิง"
"แต่ แต่ว่า" ฉันยังอิดออดกินคนเดียวน่าจะอร่อยกว่าร่วมโต๊ะกับเขาเป็นไหนๆ
"กินในนี้แหละ"
"กับผม" เขาสั่งเสียงเฉียบขาดจนต้องนั่งลงตามคำสั่งด้วยความไม่เต็มใจ ส่วนฉันอยากออกไปม่วนจอยด้านนอกมากกว่า
เมื่อตะกี้เดินผ่านร้านส้มตำได้กลิ่นปลาร้า(ที่บ้านเรียกปลาแดก)เตะจมูก ทำเอาน้ำลายแทบใหล
"อาหารที่นี่อร่อยผมเลือกไว้ให้คุณแล้ว"
"เหรอคะ" ฉันจำใจนั่งลงคว้าช้อนแล้วนั่งกินอย่างประหม่า มองข้าวในจานท่านรองฯที่พร่องไปนิดเดียว เขายังมีแก่ใจตักอาหารใส่จานให้ฉันหลายครั้ง จนฉันชักเริ่มเกรงใจ
"ขอบคุณค่ะน้ำขิงตักเองได้ค่ะ"
"ผมกลัวคุณไม่อิ่ม"
"กินเยอะๆ เพราะตอนบ่ายเราจะเข้าไปดูงานในโรงงานกัน"
"อ้อ ค่ะ น้ำขิงจะกินให้เยอะเลยค่ะ" ฉันพูดเอาใจไปอย่างนั้นแหละ คนแก่จะได้กินข้าวเยอะๆ
"อืม ไม่ต้องเยอะมากเดี๋ยวอ้วน" สายตาคมมองมาทางฉันรีบมองสภาพตัวเองในกระจก
"ยังหรอกตอนนี้ยังไม่อ้วน" เขาดักคอรู้ทันความคิดเด็กน้อย
จากนั้นท่านรองฯก็ชวนฉันกินจนทุกอย่างหมดเรียบไม่มีเหลือ และในหลายวันที่ผ่านมาธามนิธิเอง เริ่มมีความรู้สึกที่ดีกับน้ำขิงมากกว่าวันแรกๆที่เจอกัน
ความเป็นตัวของตัวเองและเป็นผู้หญิงที่เก่งงาน ไม่ว่าจะสั่งให้ทำอะไรเธอก็สามารถทำมันออกมาได้ดี จนเขาต้องยอมรับในความสามารถ แม้ว่าจะเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานก็ตาม
ตอนบ่าย
ท่านรองฯพาฉันเยี่ยมชมโรงงานตั้งแต่บ่ายโมงจนถึงสามโมงเย็น เขายังบอกให้ฉันจดทุกอย่างที่เขาพูด
"อืม...ค่ะ"
ขากลับฉันต้องลากขาขึ้นรถปอร์เช่ด้วยความยากลำบาก ภายในรถเปิดแอร์เย็นฉ่ำ จนฉันตาปรือแล้วหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าเป็นที่สุด หลังจากนั้นเบาะถูกปรับเอนลงตอนไหนฉันไม่รู้
ครืด...ครืด
สมาร์ทโฟนฉันสั่นปลุกให้ตื่นเสียได้
"ฮัลโหล" ฉันงัวเงียตื่นแล้วหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาแล้วปัดรับทันที
"กอล์ฟ"
"ถึงไหนแล้ว" กอล์ฟถาม
"ถึงไหนน่ะเหรอ"
ฉันปรับเบาะขึ้นแล้วดูชื่อป้ายถนน ปรับสายตาให้เข้ากับแสง
ถนนจรัญสนิทวงศ์นี่นา
"ท่านรองฯจอดป้ายหน้าให้ด้วยค่ะ"
"หอพักคุณอยู่สามย่านไม่ใช่เหรอ?"
"เดี๋ยวผมไปส่ง"
"น้ำขิงนัดกับเพื่อนไว้ค่ะ"
จากนั้นไอ้กอล์ฟมันก็วางสาย ฉันเอี้ยวตัวหยิบกระเป๋าที่ด้านหลังแล้วเตรียมตัวลงรถพนมมือไหว้กล่าวขอบคุณอีกครั้ง
"ขอบคุณค่ะท่านรองฯ" เมื่อรถจอดสนิทฉันก็ลงจากรถทันที ยกมือไหว้เขาพร้อมกับกระเป๋าใบเล็ก
ป้ายรถเมล์ที่ฉันลงคือย่านบางพลัด ที่เลือกป้ายนี้ก็เพราะว่าคนค่อนข้างเยอะ ผู้คนเดินกันพลุกพล่าน แล้วยังมีเซเว่นอยู่ด้วย แสงไฟจึงสว่างไสวประเมินแล้วไม่อันตราย
ด้วยความเหนื่อยล้าจึงนั่งลงที่เก้าอี้ตัวที่ว่างอย่างหมดแรง เหลือบไปมองรถท่านรองฯยังจอดอยู่ริมถนนตามเดิม
เห็นแสงไฟในรถฉันคิดว่าเขาคงคุยโทรศัพท์แน่ๆ จึงยังไม่ไปซักที
นั่งไปนั่งมาไอ้กอล์ฟก็ยังไม่มา ชะเง้อจนคอยาวมันก็ยังไม่มาซักที ท้องฉันร้องโครกครากด้วยความหิวจึงเดินเข้าเซเว่นหาอะไรกิน หยิบของกินใส่ตะกร้าเป็นข้าวผัดกระเพรากับน้ำเปล่าและขนมอีกสองถุงแล้วเข้าแถวรอจ่ายเงิน
"ผมจ่ายให้..." เสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังมาจากด้านหลังแผ่วเบา แล้วสะกิดที่ไหล่บางของฉันอีกครั้ง
"เสียงคุ้นๆวุ้ย"
"อ้าว ท่านรองฯยังไม่กลับอีกเหรอคะ"
"ยังหรอก พอดีผมคอแห้งเลยมาซื้อน้ำ"
"ค่ะ" ฉันมองของในมือท่านรองฯก็มีของกินเหมือนกันกับของฉันไม่มีผิด ระหว่างรอพนักงานเวฟข้าว เขาก็เหลียวซ้ายแลขวามองนั่นมองนี่จนฉันต้องมองตามสายตานั้น
"มองหาใครคะ?"
"เพื่อนคุณไงมาถึงหรือยัง"
"ยังเลยค่ะ มันให้รออีก20นาที" ฉันนั้นอยากจะหัวเราะในความสอดรู้สอดเห็นของท่านรองฯ นึกว่ามีแต่ฉันที่ชอบสอดรู้สอดเห็นซะอีก
"ได้ข้าวแล้วไปนั่งรอที่รถผมก่อนก็ได้"
"จะได้กินข้าวเป็นเพื่อนผม"
"ผมหิว"
"ได้ค่ะ" จากนั้นฉันกับท่านรองฯก็ใช้ปอร์เช่สุดหรูกินข้าว กลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งคัน
"จะไม่เหม็นเหรอคะรถของท่านรองฯ"
"ช่างมันเดี๋ยวก็หาย" ตอนนี้ใบหน้าท่านรองฯที่ฉันว่าแก่ในตอนแรก กลับอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เขาเทคแคร์ดูแลฉันอย่างดี
"กินข้าวกับเธออร่อยจัง" ท่านรองฯพูดแต่ฉันเขิน คนอะไรพอไม่ดุก็น่ารักไปอีกแบบ กินข้าวอิ่มแล้วเขามองหน้าฉันอย่างค้นหาสายตาคมมีคำถามมากมายใบหน้าหล่อดูจริงจังขึ้นมา
"คุณจะไปไหนต่อ?"
"ผมจะไปส่งก็ไม่ให้ไป"
"เกิดคุณเป็นอะไรไป พ่อกับแม่ของคุณจะมาว่าผมได้นะ"
ฉันเริ่มคิดหนักแต่ก็ลองวัดใจกันไปเลยว่า
"ไปทำงานพาร์ทไทม์ค่ะ"
"ทำงานอะไร?" สีหน้าเขาดูก็รู้อยากรู้มากแค่ไหน
"ดีเจ ค่ะ ดีเจเปิดเพลงค่ะ"
"แถวไหน?"
"ผับ แถวๆทองหล่อค่ะ" ฉันมองหน้าเขาแอบลุ้นในใจว่าเขาจะว่าอย่างไร
ฉันเห็นเขาทำตาโตแบบไม่เชื่อว่า น้ำหน้าอย่างฉันเนี่ยนะจะเป็นดีเจได้ แต่เขาก็ไม่ว่าอะไรนอกจากทำสายตาแปลกใจแค่วูบเดียวแล้วก็นิ่งเหมือนเดิม
จะบอกอะไรให้ค่ะ ฉันน้ำขิงคนนี้ยังมีอะไรให้คุณแปลกใจอีกเยอะค่ะท่านรองฯ
เขาถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือกใบหน้าดูอนาทรมากขึ้น
"ต่อไปไม่ต้องเรียกผมว่าท่านรองฯอีกนะ"
"ทำไมล่ะคะ" ฉันดูดน้ำเปล่าจากขวดแล้วมองเขาเป็นเชิงคำถาม
"มันดูแก่" เขาบอกสีหน้าดูจริงจังมาก
ฉันแทบสำลักน้ำ ท่านรองฯในวัย35ปีเมื่อเทียบกับฉัน ท่านต้องแก่เป็นธรรมดานั่นแหละค่ะ
แต่ท่านรองฯก็หล่อไม่เบาเหมือนกันนะ
แค่ก...แค่ก ฉันเห็นเขาขมวดคิ้วไม่พอใจที่ฉันทำหน้าแบบไม่ยอมรับ เขาหยิบทิชชู่ยื่นให้
"เช็ดซะ"
"ต่อไปเรียกคุณธามก็พอ"
ฉันยิ้มกว้างเห็นแก้มบุ๋มอันทรงเสน่ห์
"ได้ค่ะคุณธาม" ฉันจิกตาใสซื่อแบ๊วสุดฤทธิ์ใส่เขาเพื่อแสดงให้เห็นว่าจริงใจ
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.