“พี่ป่า ตกใจหมดเลย เอ่อ ขอบคุณนะคะ” มาลีวัลย์รียหันไปขอบคุณชายหนุ่มแปลกหน้าเพราะต้นแขนเรียวกำลังถูกรั้งให้เดินผ่านแผ่นหลังกว้างไป
และเมื่อมาถึงโซนจอดรถสำหรับวีไอพีมาลีวัลย์ก็ถูกยัดเข้าไปนั่งในซูเปอร์คาร์คันแพง
“ฉันไม่เรียกหลายวันก็หาคู่นอนคนใหม่หรือไง”
ไม่รู้เจ้าป่าเป็นบ้าอะไร ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายอยากห่างกลับเธอเพราะกลัวมาลีวัลย์จะมีผลต่อใจมากเกินไป แต่เมื่อเห็นหญิงสาวอยู่กับผู้ชายคนอื่น ยิ่งเห็นสายตาของชายคนนั้นที่ฉายแววชอบพอในตัวมาลีวัลย์อยู่นิด ๆ เจ้าป่าก็ยิ่งไม่สบอารมณ์
และความหงุดหงิดนั้นแหละที่ทำให้คำพูดที่ออกจากปากหยักมันขาดการยั้งคิด โดยที่เจ้าป่าไม่รู้เลยว่าคำพูดพวกนั้นมันทำร้ายจิตใจคนฟังมากแค่ไหน
พลั่ก !
“มาร์ไม่ใช่พี่” มาลีวัลย์ผลักอกคนตรงหน้าออกเมื่อได้ยินคำพูดร้ายกาจ
“มาร์ !” เสียงทุ้มเข้มขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กออกอาการดื้อดึงอย่างที่ไม่เคยเป็น
“ก็มาร์พูดจริง ๆ มาร์ว่ากลับเองดีกว่าพี่ป่าจะได้ไปหาผู้หญิงของตัวเอง” มาลีวัลย์เอ่ยประชดประชัน เธอไม่แม้แต่จะคิดไปนอนหรือสานสัมพันธ์กับใครทั้งนั้น เพราะทั้งใจมีแค่เจ้าป่าคนเดียว แต่ไม่รู้ในสายตาของเขามองเธอเป็นยังไงกันแน่
ร่างเล็กหมุนตัวเพื่อจะลงจากรถ เพราะกลัวว่าถ้าคุยกันไปมากกว่านี้จะเป็นเธอที่ต้องเจ็บช้ำน้ำใจ ก่อนที่ต้นแขนเรียวจะถูกมือหนาของอีกคนรั้งไว้ก่อน
“จะหนีไปไหน”
“ปล่อยนะ มาร์จะไปทำงานต่อ โอ๊ย พี่ป่า !!” มือใหญ่กระชากจนมาลีวัลย์ตัวปลิวลอยแปะอกแกร่ง
“อย่าดื้อมาร์”
“มาร์ไม่ได้ดื้อ” มาลีวัลย์เถียงคอเป็นเอ็นเพราะเจ้าป่าเอาแต่ต่อว่าเธอ ยิ่งเมื่อคิดว่าก่อนมาที่นี่เขาไปอยู่กับคนอื่นมาลีวัลย์ก็ยิ่งไม่อยากไปกับเขา
ร่างเล็กขืนตัวออกจากมือหนาราวกับรังเกียจและต้องการหลุดพ้นจากพันธนาการ และท่าทางของเธอมันทำให้เจ้าป่าโคตรจะไม่พอใจ
มือใหญ่ผลักมาลีวัลย์ออกอย่างแรงจนแผ่นหลังเล็กชนเข้ากับประตูรถดัง ปั่ก
“เออ อยากไปไหนก็ไปซะ”
หญิงสาวที่เคยอ่อนโอนต่อเขา แต่วันนี้กลับเล่นตัวทั้งที่เธอไม่ได้มีความสำคัญพอที่จะทำอย่างนั้นงั้นเหรอ เฮอะ...
น่าโมโหจริง ๆ
...
หลังจากที่ลงจากรถเจ้าป่าวันนั้นก็คล้ายว่าความสัมพันธ์จะแย่ลงไปกว่าเดิม และยังเป็นหลายวันที่เจ้าป่าไม่ติดต่อเธอมาเลย ส่วนมาลีวัลย์ก็จับ ๆ วาง ๆ โทรศัพท์อยู่หลายครั้ง เพราะแม้ใจหนึ่งจะอยากง้อเพราะกลัวแผนการพิชิตใจจะจบลง แต่อีกใจก็ทั้งโกรธทั้งน้อยใจปนเปกันไปหมด
“เฮ้อ”
“มาร์ เสร็จยัง” ระหว่างที่มาลีวัลย์กำลังสับสนในใจ เสียงของน้องสาวตะโกนจากทางหน้าห้อง เพราะตอนนี้มาลีวัลย์อยู่ที่บ้านของตัวเอง และวันนี้ครอบครัวเราก็มีนัดไปทานอาหารร่วมกันเหมือนอย่างที่ทำเป็นประจำทุกสัปดาห์
“เสร็จแล้ว ๆ”
มาลีวัลย์หยิบต่างหูเพชรที่มารดาซื้อให้มาสวมพร้อมตอบกลับน้องสาว ปกติเธอแต่งตัวเรียบง่ายชนิดที่ว่าแค่เดรสตัวเดียวก็ออกจากบ้านได้ แต่ทว่าวันนี้เป็นวันเกิดของมารดาจึงต้องแต่งองค์ทรงเครื่องให้ดูดีและหรูหรากว่าปกติหน่อย
ร่างเล็กที่อยู่ในชุดเดรสยาวรัดรูปสีขาวที่มีส่วนเว้าด้านหลังเกินกว่าครึ่ง เส้นผมที่ถูกรวบเอาไว้เพื่อให้เข้ากับชุด ทำให้ตอนนี้หญิงสาวหน้าตาน่ารักดูเซ็กซ์ขึ้นมาหน่อย ๆ
มาลีวัลย์หมุนตัวหน้ากระจกเงาเพื่อเช็คความเรียบร้อยเป็นรอบสุดท้าย ก่อนที่ขาเรียวเดินออกจากห้องนอนส่วนตัว เพราะเดี๋ยวคนอื่นจะรอนาน
“ค่อย ๆ เดินก็ได้มาร์” บิดาที่ยืนอยู่กลางห้องโถงใหญ่เอ่ยเตือนเมื่อเห็นลูกสาวคนโตวิ่งพรวดพราดลงจากบันได
“กระโดกกระเดกจริง” เช่นเดียวกับคนเป็นมารดาที่อดบ่นท่าทางม้าดีดกะโหลกแบบนั้นไม่ได้
“แหม ก็คนมันรีบนี่ค่ะ” มาลีวัลย์แสร้งบีบเสียงเล็กเสียงน้อยเมื่อได้ยินเสียงบ่นจากทั้งสองคนที่นั่งรอกันอยู่ก่อนแล้ว ทำพวกเขาได้แต่ส่ายหน้าไปมาให้กับท่าทางน่าหมั่นไส้ของเธอ
“เฮ้อ มิน่าล่ะถึงไม่ได้แต่งงานเหมือนคนอื่นสักที”
“นั่นสิ” นภาลัยสมทบคำพูดมารดาทันทีทำเอาพี่สาวที่กำลังรีบขึ้นไปจับจ้องที่นั่งบนรถของครอบครัวหันกลับไปมองตาเขียว
คนอื่นแต่งงานแล้วเธอต้องแต่งตามหรืออย่างไร ใช่ว่าในชีวิตจะไม่มีคนเข้าหาสักหน่อย ยิ่งฐานะทางครอบครัวและชาติตระกูลเธอก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร แต่เพราะมาลีวัลย์มีคนในใจอยู่แล้วเธอจึงไม่คิดจะเปิดโอกาสให้ใครต่างหาก
ใช้เวลาไม่นานเราทั้งสี่คนก็มาถึงร้านอาหารประจำ แต่ไม่ทันที่จะได้เข้าไปยังห้องวีวีไอพีที่จองไว้ก็มีเสียงเรียกทักทายมารดาของเธอเสียก่อน และคนนั้นก็คือคุณป้าจันทร์เจ้า ซึ่งเป็นแม่ของเจ้าป่า
แม่ของเจ้าป่างั้นเหรอ อย่าบอกนะว่า...
“ป่ามาทักทายน้าผกาสิลูก”
“!!!”
ดวงหน้าเรียวหันไปตามเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ก่อนที่ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่เธอคิดถึง ก่อนที่จะรีบก้มงุดเพราะสายตาของคนมาใหม่ที่มองมาทางเธอมันดูดุดันชอบกล และกว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่คนข้างตัวสะกิดแขนยิก ๆ
“ฮะ อะ สวัสดีค่ะ”
“ว้าว หนูมาร์โตขึ้นเยอะเลยนะลูก”
“ค่ะ คุณป้าก็ยังสาวยังสวยเหมือนเดิมเลย” มาลีวัลย์ยิ้มหวานให้คนตรงหน้าเพราะเมื่อครู่เธอเอาแต่เหม่อลอยจนเสียมารยาทต่อผู้ใหญ่ อีกทั้งในช่วงวัยเด็กจันทร์เจ้าก็ใจดีกับเธอมาก
“นาน ๆ เจอกันอย่างนี้เรามานั่งด้วยกันดีไหม” จันทร์เจ้าเสนอขึ้นเมื่อนาน ๆ ทีทั้งสองครอบครัวจะได้เจอกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา
“คะ !?”
“จะเสียงดังทำไมล่ะเนี่ย” พวงผกาเอ็ดลูกสาวเสียงเข้มพลางผงกศีรษะขอโทษเพื่อนสนิทและสามีอีกฝ่าย และครอบครัวนั้นก็ทำเพียงส่งรอยยิ้มอ่อนโยนกลับมา
“ขอโทษค่ะ ช่วงนี้มาร์เบอล ๆ” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบาเพราะเมื่อกี้นี้เธอเล่นเสียงดังจนทุกคนที่อยู่ละแวกนั้นหันขวับมามองเป็นตาเดียว
“จริง ๆ เลยยัยลูกคนนี้” พวงผกาส่ายหน้าเนือย ก่อนที่เราทั้งเจ็ดคนจะเข้าไปในห้องอาหารที่ทางครอบครัวของมาลีวัลย์จองไว้ และเพราะห้องวีวีไอพีของทางร้านใหญ่โตมาก การเพิ่มจำนวนอีกแค่สามคนจึงไม่ใช่ปัญหาอะไร
การรับประทานอาหารเป็นไปด้วยความครึกครื้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นแม่เธอและแม่เจ้าป่าที่สนทนาเรื่องราวต่าง ๆ และไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนที่ปิดปากเงียบที่สุดก็คงไม่พ้นชายที่ได้นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ
ทั้งที่มาลีวัลย์อุตส่าห์รีบรุดเข้ามาเป็นคนแรกเพื่อเลี่ยงการนั่งใกล้ชิดเขาแต่เจ้าป่าดันมานั่งตรงข้ามเธอเสียนี่ เรียกได้ว่าทุกครั้งที่มาลีวัลย์เงยหน้าก็ต้องได้สบประสานกับดวงตาสีเข้มคู่นั้นตลอด ทำเอาเธอตัวเกร็งไปหมดแล้ว
“เพื่อนตาป่าก็แต่งงานไปหมดแล้ว”
“นั่นสิ ลูกฉันก็เหมือนกัน เห็นว่าแต่งงานกับเพื่อนตาป่าใช่ไหม” พวงผกาเห็นด้วยกับสิ่งที่เพื่อนสนิทพูดก่อนจะหันมาถามลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างกัน
“คะ ? อ่า…ค่ะ”
“เป็นไรไป”
“ปะ...เปล่าหรอก”
มาลีวัลย์ที่ตอนนี้สติไม่ค่อยจะอยู่กับตัวตอบกลับด้วยท่าทางล่ก ๆ และท่าทางอย่างนั้นก็ทำให้น้องสาวที่นั่งขนาบอยู่อีกข้างทักท้วงเสียงเบา เพราะตั้งแต่ที่เจอครอบครัวของเจ้าป่าพี่สาวเธอก็ดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อ ทั้งที่ปกติควรจะดีใจด้วยซ้ำ
หรือมาลีวัลย์มีเรื่องปิดบังเธอจริง ๆ นภาลัยคิดอย่างจับผิด
“ถ้าเราได้ดองกันคงดีเนอะ ว่าไหมตาป่า” จันทร์เจ้าทำทีเป็นเอ่ยลูกชาย เพราะครอบครัวเราสนิทสนมกัน อีกทั้งเธอก็เห็นและถูกตาต้องใจมาลีวัลย์มาตั้งแต่เด็ก ๆ ไหนจะแววตาที่ลูกสาวเพื่อนสนิทมองลูกชายเธอก็ยังเต็มไปด้วยความรักไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยสักนิด
ถ้าเจ้าป่าได้แต่งงานกับมาลีวัลย์จริง ๆ ล่ะก็จันทร์เจ้าคงหมดห่วงเรื่องชีวิตลูกชายเสียที
“ผมยังไม่คิดเรื่องแต่งงานหรอกครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบมานาน แต่เหมือนคำตอบของเขาจะเป็นที่เบื่อหน่ายของจันทร์เจ้าเสียเหลือเกิน
“พูดอย่างนี้ตลอด”
“ก็จริงนี่ครับ”
“ป้าล่ะเหนื่อยใจจริง ๆ หนูมาร์ ถ้าป้าได้หนูมาร์มาเป็นลูกสะใภ้คงดีไม่น้อย”
เมื่อไม่ได้คำตอบที่ต้องการจากลูกชาย จันทร์เจ้าก็หันมาถามเอากับหญิงสาวหน้าหวานที่เธอนึกเอ็นดูอยู่ไม่น้อย ซึ่งคนถูกพูดถึงก็ทำได้เพียงส่งยิ้มบาง ๆ กลับไป ก่อนจะรีบเบือนหน้าไปทางอื่นเมื่อรับรู้ถึงสายตาของคนตรงข้ามที่มองมา
‘อะไรกัน ทำไมต้องมองดุขนาดนั้นด้วย’
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.