สโนว์เดินกลับมาขึ้นรถตัวเองอย่างคนอารมณ์เสีย ทว่าพอจะสตาร์ทรถเท่านั้นแหละได้เรื่อง รถเก่าไม่พอหน้าจอยับยู่ยังมาสตาร์ทไม่ติดในเวลาแบบนี้อีก
“งื้อ นี่มันอะไรกันหนักหนาเนี่ย”
จากที่กำลังเซ็งเพราะต้องหาเงินเอาไปคืนผู้ชายแปลกหน้า ซึ่งตอนนี้มีสถานะเป็นเจ้าหนี้ของเธอไปเรียบร้อยแล้ว ยังต้องมาซวยซับซวยซ้อน เพราะรถเก๋งคันโปรดมาเสียอีก ครั้นจะเรียกรถมาลากเอาไปซ่อมที่อู่ ซึ่งมันก็ต้องใช้เงินจำนวนมาก เอาเฉพาะค่าลากรถก็พันห้า ไหนจะค่าซ่อมรถของตัวเองหลังจากนี้อีก ซึ่งเธอก็ไม่ได้มีเงินเก็บมากมายขนาดนั้น ส่วนเงินในบัญชีที่มีอยู่สองหมื่นสโนว์ตั้งใจจะเก็บรวบรวมเอาไปใช้ให้ผู้ชายคนนั้น
ครั้นจะโทรไปขอเงินพ่อแม่ก็ใช่เรื่อง เพราะรู้ว่าคงต้องโดนบ่นชุดใหญ่ สุดท้ายเมื่อถึงทางตัน เลยจำต้องตัดสินใจเดินไปบอกคนดูแลลานจอดรถให้ช่วยเข็นรถของเธอเอาไปจอดไว้ที่ลานจอดรถของผับก่อน แล้วค่อยหาแก้ปัญหาเอาใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่ใช่ในตอนนี้
ที่หน้าผับ สโนว์เดินออกมาแบบหมดแรง สองเท้ายืนเขี่ยอากาศไปมาอย่างเซ็ง ๆ ริมฟุตบาทเพื่อรอเรียกรถแท็กซี่ ก่อนจะเห็นผู้หญิงสองคนแต่งตัวด้วยชุดแดงสุดเซ็กซี่เดินออกมายืนรอเรียกรถแท็กซี่ใกล้ ๆ กัน
“โอ๊ยตาแก่นั่น ทิปหนักเป็นบ้า เนี้ยให้ฉันดื่มสามแก้วให้มาสามพัน ฟันก็ไม่ได้ฟันโง่ชะมัด”
“พวกผู้ชายก็โง่แบบนี้กันทั้งนั้นแหละ แค่อ้อนนิดอ้อนหน่อยก็พร้อมเปย์”
“นี่ยังไม่ถึงเดือนฉันได้มาสี่หมื่นแล้วนะแก”
“อย่ามาขิงย่ะ เพราะฉันก็ได้มาห้าหมื่นภายในสองอาทิตย์เหมือนกัน”
หมับ! มือเรียวตรงเข้าไปคว้าแขนหญิงสาวที่ยืนเม้าส์เรื่องงานที่ทำ ดวงตาเป็นประกายวิบวับเหมือนเด็กเห็นไอติม
“พี่สองคนทำงานอะไรกันเหรอคะ”
จากที่ได้ยิน งานง่ายสบายไม่เสียตัวแต่เงินหลักหมื่น ถ้าเป็นแบบนั้นเธอทำไม่กี่เดือนก็ใช้หนี้ได้หมดแน่
“ทำไมคะ หนูอยากทำงานเหรอคะ” สองสาวไล่มองสโนว์ตั้งแต่หัวจนเท้า มีอีกคนที่ทำท่ามองเหยียดอย่างเห็นได้ชัด
สโนว์ปล่อยมือ ก่อนก้มมองสภาพของตัวเอง จะถูกมองเหยียดก็ไม่แปลก เธอแต่งตัวด้วยเสื้อยืดคอย้วยเพราะเตรียมจะนอนแล้ว แถมกางเกงยีนเก่า ๆ รองเท้าอีแตะ แทบไม่มีเค้านักเที่ยวราตรีเลยด้วยซ้ำ
“คะ คือพอดีหนูอยากหาเงินไปซ่อมรถน่ะค่ะ” สโนว์ชี้เข้าไปข้างไปทางลานจอดรถที่มีรถเก๋งคันเก่าของเธอจอดอยู่ให้สองสาวหันไปดู
“อ่อได้สิ ก็พอมีนะงานจะทำจริง ๆ เหรอ”
พี่สาวอีกคนดูใจดีมาก เธอยิ้มให้สโนว์ แต่อีกคนแบะปากออกมาอย่างไม่รักษาท่าที
“งานอะไรคะ”
“ก็พวกงานชงเหล้าธรรมดา ๆ ”
“ละแล้วที่พวกพี่สองคนคุยกัน แค่ชงเหล้าธรรมดา ๆ แล้วได้เงินเป็นหมื่น ๆ เลยเหรอคะ”
“ก็ทำนองนั้น อยากทำไหมล่ะ”
“แกอย่าไปฝากงานใครซี้ซั้วสิ เดี๋ยวก็เสียชื่อแกหรอก” ผู้หญิงอีกคนที่ตั้งท่ารังเกียจตั้งแต่แรกเอ่ยปากห้าม ซ้ำยังเบะปากใส่สโนว์ก่อนจะดึงแขนไม่ให้เพื่อนของเธอเข้าไปยุ่ง
“นะ นะคะ หนูไม่ทำเสียแน่นอนค่ะ”
“นี่หนูน้อย อายุเธอคงไม่ถึงเกณฑ์แน่ ๆ กลับไปเรียนหนังสือไป๊”
“หนูอายุยี่สิบแล้วค่ะ” สโนว์ยิ้มแห้ง เธอติดปากชอบแทนตัวเองว่าหนู แถมยังตัวเล็กสภาพเลยไม่ต่างกับเด็กมัธยมปลายทั่วไปจะโดนเข้าใจผิดก็ไม่แปลก
“ยี่สิบ?”
“อืมน่า ช่วยเด็กมันเถอะแนน พวกเราก็เคยลำบากแบบนี้มาก่อนไม่ใช่เหรอ” พี่คนสวยที่ดูใจดีกว่า หันไปยิ้มให้เพื่อนก่อนหันมาคุยกับสโนว์ต่อ
“งั้นพรุ่งนี้ เรามาหาพี่ตอนหนึ่งทุ่มก็แล้วกัน พี่จะฝากงานให้ อ่อพี่ชื่อจุ๊บแจงนะ”
“คะ ได้ค่ะ ขอบคุณพี่จุ๊บแจงมาก ๆ เลยนะคะ”
สโนว์ยิ้มกว้างด้วยความดีใจเมื่อรู้ว่าตัวเองจะได้งานที่ได้เงินดีมาก ๆไม่ได้คิดเรื่องเลิกงานดึกแล้วต้องไปเรียนยังไง อีกอย่างก็ใกล้ปิดเทอมเต็มทีคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“จริงสิ เวสป้าของคุณพ่อ แวะไปขอยืมมาใช้ระหว่างรอซ่อมดีกว่า”
ทางเดียวที่คิดได้ในตอนนี้ คือที่สำคัญเธอจะหาเงินแสนรวดเร็วขนาดนั้นเอาไปใช้หนี้หมอนั่นได้อย่างไร อย่างเก่งก็คงรวบรวมให้มากที่สุดแล้วค่อยต่อรองเขาอีกที
สโนว์กลับถึงหออย่างเหนื่อยอ่อน เธอถึงได้รู้ว่าเพื่อนรักที่อุตส่าห์เป็นห่วงนักเป็นห่วงหนาจนทำให้ตัวเองเดือดร้อน ดอดไปอยู่กับแฟนที่คอนโดซะแล้ว ส่วนเธอในตอนนี้ต้องมานั่งเซ็งอยู่คนเดียว เพราะกำลังปวดหัวกับเงินที่ต้องหาใช้หนี้ ไหนจะค่าซ่อมรถอีก
เฮ้อ…ดีนะที่เธอยังมีมาม่าตุนไว้ยกแพ็ก จากนี้ไปเธอคงต้องเขียมให้มากขึ้น
วันต่อมาเมื่อถึงเวลานัดหมายสโนว์กลับจากมหาวิทยาลัยก็รีบตรงที่ผับแองเจิบทันที เพราะนัดกับพี่จุ๊บแจงมาแล้วเลยไม่อยากให้คนฝากงานต้องเสียหน้า
เมื่อมาถึงพี่จุ๊บแจงก็พาสโนว์ไปฝากงาน ตอนแรกก็เกือบไม่รับเพราะสโนว์ดูเด็กมาก ดีว่าพี่จุ๊บแจงคอยการันตีให้ทุกอย่าง
“ขอบคุณนะคะพี่จุ๊บแจง หนูไม่ทำให้พี่ผิดหวังแน่นอนค่ะ”
“อืม ตั้งใจทำงานก็แล้วกัน งานพวกเราไม่มีอะไรมากก็แค่ชงเหล้า เอาใจลูกค้า ถ้าเอาใจเก่งก็ทิปหนัก”
“อ่าค่ะ หนูว่าหนูทำได้ ไม่มีปัญหาค่ะ”
“พอดีงานพวกเราเริ่มตอนสองทุ่มครึ่ง หนูกินอะไรมาหรือยังออกไปหาอะไรกินก่อนก็ได้นะ แล้วค่อยกลับมาแต่งตัวงานยังไม่เริ่มหรอก”
“ได้ค่ะพี่จุ๊บแจง ขอบคุณมากนะคะ” สโนว์ยิ้มรับก่อนจะออกจากห้องพักพนักงาน ตั้งใจว่าจะไปแวะดูรถของตัวเองที่จอดทิ้งเอาไว้ที่ลานจอดรถเมื่อคืนก่อนแล้วค่อยไปหาอะไรกิน
ทว่าพอหญิงสาวเดินลับสายตาจากพ้นจากห้อง จุ๊บแจงที่มองตามหลังของสโนว์ก็ทำท่าเบะปากใส่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เพิ่งทำเป็นตัวเป็นนางฟ้าต่อหน้าสโนว์มาหยก ๆ
“อะไรกันยะยายแจง ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
แนนกอดอกมองตามสายตาของจุ๊บแจงก่อนจะท้วงขึ้นแบบขำ ๆ
“หน้าแบบไหนย่ะหล่อน”
“ก็หน้าแบบที่แกทำอยู่”
“หน้าสวยๆ เหรอ”
“ยะ หน้าสวย ๆ ที่เพิ่งเบะปากใส่ยัยเด็กหน้าจืดนั่น ว่าแต่แกเถอะไปการันตียัยเด็กนั่นทำไม”
“อ๋อ หึ หึ แกเห็นยัยเด็กไหมนั่น ดูจืดชืดจะตาย”
“ก็ใช่ แล้วไง”
“ก็ไม่แล้วไง แกคิดดูสิ ถ้าพวกเราหาคนไม่สวยมาทำงานพวกเราก็ยิ่งดูสวยขึ้นยังไงยะ แล้วพอตำแหน่งพวกเราเต็ม ผับก็ไม่รับคนเพิ่มเข้าใจปะ หรือแกจะรอให้พวกที่หนีมาจากผับอื่นมาwalk in สมัครงานแล้วมาสวยแข่งกับพวกเราเหรอ”
จุ๊บแจงทำท่ายักไหล่
“โห…แกคิดได้ไงเนี่ย”
“แล้วแกดูนะ ยัยเด็กนั่นหัวอ่อนลองถ้าเจอลูกค้ารวย ๆ สายเปย์ เราจะได้ขอยัยเด็กนั่นดูแลแทน ง่ายจะตาย”
“แกมันร้าย ฉันก็นึกว่าแกแม่พระ”
“ถ้าฉันเป็นแม่พระ ฉันคงไปบวชชีอยู่ที่วัด ไม่มาเป็นเด็กเอนแล้วเป็นเพื่อนแรด ๆ กับแกได้หรอก”
“ย่ะ ฉันแค่แรดแต่แกอะทั้งแรดทั้งร้าย”
“คิ คิ ก็พอกันทั้งคู่แหละย่ะ เออ ว่าแต่แกเหอะแนน ไหนว่าจะจับคุณเตชินคืบหน้าบ้างหรือยังเถอะ”
“คุณเตชินเหรอ เขาก็คงชอบฉันแหละเพราะฉันก็นอนกับเขาหลายครั้งแล้ว ในเมื่อฉันไม่ได้คุณเอริค ได้น้องชายคุณเอริคก็ยังดี”
สองสาวยิ้มให้กันก่อนจะพากันไปที่ห้องแต่งตัวพนักงาน
Waiting for the first comment……
Please log in to leave a comment.