ณ กระท่อมร้างกลางป่าแถบชายแดนไทยแห่งหนึ่ง ร่างบางสูงโปร่งของหญิงสาวถูกมัดตึงไว้ยังแคร่ไม้ไผ่ขนาดเล็ก ร่างหล่อนมีเพียงชั้นในตัวจิ๋วเท่านั้นที่ปกคลุมกาย เนื้อตัวมอมแมม ใบหน้าสวยนั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา แผงขนตางอนของหล่อนเกรอะกรังไปด้วยน้ำอุ่นๆ ทั้งสองข้าง ความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามาทีละนิดๆ หล่อนยังคงไม่ได้สติ ด้วยเข้าสู่ปลายฝนต้นหนาวนั้นอากาศภายในกระท่อมนี้เย็นเฉียบ ผิวกายสาวสั่นเทาขึ้นเรื่อยๆ มิลิน หรือมิลินดาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ดวงตาหญิงสาวเบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อตอนนี้ทุกอย่างมันดูมืดมิดไปหมด ผิวกายสาวสัมผัสอากาศหนาวสุดขั้วหัวใจเลยก็ว่าได้ แววตาหวาดกลัวขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรับรู้ว่าหล่อนอยู่ที่นี่คนเดียว หัวใจดวงน้อยของหล่อนมันระส่ำเมื่อนึกถึงเรื่องราวทั้งหมด น้ำอุ่นๆ มากมายก็ไหลออกมาอีก เขาทำกับเธอเหมือนเธอไม่ใช่คน จิตใจของผู้ชายคนนั้นมันทำด้วยอะไรกัน เธอไปทำอะไรให้ เธอสาบานได้ว่าไม่เคยรู้จักเขามาก่อนเป็นแน่ มิลินนึกถึงเรื่องราวทั้งหมดเมื่อวันก่อน "คุณมิลินใช่ไหมครับ "เสียงเข้มทุ้มของชายร่างสูงเดินเข้ามาถามหล่อน หญิงสาวมองหน้าเขาไม่ถนัดนักเพราะเขาใส่หมวกและสวมแว่นตาดำ "ค่ะ ใช่ค่ะ" "คุณเมฆินให้มารับครับ" ประโยคนั้นทำให้หล่อนหายสงสัย เมื่อนึกถึงบิดาของหล่อน ปกติจะมีลูกน้องมากมายอยู่แล้ว แต่ละคนก็หน้าตาแปลกๆ ทั้งนั้น นี่คงส่งคนใหม่มารับเราเป็นแน่ มิลินคิดในใจพรางส่งกระเป๋าให้ชายผู้นั้นถือแล้วเดินตามเขาขึ้นรถนั้น หญิงสาวนั่งมองบรรยากาศภายนอกรถอย่างละลานตา หล่อนไปเรียนต่างประเทศตั้งหลายปี ที่นี่เปลี่ยนไปมากเลย ดูเจริญขึ้นแล้วก็น่าอยู่มากยิ่งขึ้น หล่อนนั่งมองอย่างเพลินๆ ไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหน แต่คงหลังจากที่ดื่มน้ำที่ชายผู้นั้นส่งให้หล่อนกระมัง จากนั้นหล่อนก็มาตื่นอีกทีคือที่นี่แล้ว "นะนี่ นายพาฉันมาที่นี่ทำไมกัน ต้องการอะไร " มิลินเอ่ยถามหลังจากที่หล่อนตื่นขึ้นตอนบ่ายแก่ๆ แววตาเป็นกังวลแกมหวาดกลัว "หึ ก็ต้องการให้ไอ้เมฆินมันรู้ไงว่าการที่ต้องสูญเสียแก้วตาดวงใจมันเป็นยังไง " ใบหน้าเหี้ยมของผู้ชายที่พาหล่อนมานี้บังเกิดขึ้น "นี่ พ่อฉันมาเกี่ยวอะไรด้วย ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ" หญิงสาวสะบัดข้อมือไปมา มองหน้าเขาอย่างถือดี "หึ พ่อคุณนะเกี่ยวเต็มๆ มันนั่นแหละที่ผมอยากเล่นงาน " เสียงเหี้ยมหันมามองใบหน้าสวยที่วิตกกังวลนี้ "นะนี่นายอย่าทำอะไรพ่อฉันนะ ฉันจะแจ้งตำรวจจับแกเข้าคุก" "หึ คนที่ต้องเข้าคุกก็คือพ่อเธอต่างหากแม่สาวน้อย " ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ บีบปากบางให้หยุดฟังเขา สายแห่งความอาฆาตแค้นบังเกิดขึ้น "พ่อฉันเป็นคนดี คนเลวๆ อย่างแกต่างหาก ที่จะต้องเข้าคุก" หล่อนตะโกนใส่หน้าเขาดังลั่น "หึ เลวเหรอ นี่ยังไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ " ชายหนุ่มเดินเข้ามาเค้นฟันพูดกับหญิงสาว แววตาเกรี้ยวกราดส่งมายังหล่อน " หึ ก็เชิญไปแสดงความเลวที่อื่น แล้วปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้ " มิลินพูดไปก็ดิ้นไป สายตาหวานพยายามมองหาหนทางหนี หล่อนไม่รู้หรอกว่าที่นี่ที่ไหน แต่ต้องหนีจากไอ้บ้านี่ให้ได้เสียก่อน "อย่าพยายามหนีเลยคุณมิลิน ยังไงซะก็หนีไม่รอดอยู่ดี" ใบหน้าคมนั้นแสยะยิ้มออกมากรายๆ "ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะไอ้คนชั่ว ไอ้คนเลว ไอ้ป่าเถื่อน ฉันไม่น่าหลงเชื่อตามแกมาเลย" มิลินตะโกนด่าทอชายหนุ่มมือเรียวก็ปัดป่ายไปมาอย่างต้องการหนี "หึ คำก็เลว สองคำก็ชั่ว ถ้าอย่างนั้น มาเป็นเมียคนเลวหน่อยก็แล้วกัน" "ว้ายยย ปล่อยนะ ปล่อยฉันนะ " .....แกร็ก!!! แคว๊ก!!! "ว้ายยยยยย อื้อออ......ไอ้ชั่ว ปล่อยนะ" มิลินนั่งน้ำตาไหลพรากเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หล่อนต้องเสียตัวให้กับผีห่าซาตานชั่วร้าย หล่อนถูกเขากระทำเยี่ยงสัตว์ เวรกรรมอะไรของหล่อนกันนะ หล่อนมองร่างตัวเองจากการกระทบของแสงจันทร์ มันน่าเวทนาเป็นที่สุด หล่อนน่าจะตายๆ ไปเลยยิ่งดี ขอให้พรุ่งนี้หล่อนอย่าได้มีลมหายใจอีกเลย หญิงสาวหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย...>>>>
เสียงดนตรีบรรเลงเพลงรัก ทำให้ทุกคนในงานต่างชุ่มชื่นหัวใจ บรรดาแขกเกลื่อที่มาร่วมงานต่างแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว ใบหน้าเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต่างยิ้มไม่หุบ ในใจนึกถึงเรือพ่วงของเขาและเธอนั้นก็หนักใจเล็กน้อย วันนี้ทั้งคู่ไม่ได้มาร่วมงาน "มองหาอะไรหรือค่ะคุณ " เจ้าสาวในวัย 49 นั้นเอ่ยถามผู้เป็นเจ้าบ่าว ซึ่งอายุห่างกันประมาณ 5 ปี "ก็มองหาตาเค็นหน่ะซิครับ " ผู้เป็นเจ้าบ่าวตอบขณะ เดินนำไปทักทายแขก "เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวกลับบ้านยายยูริของฉันก็ต้องเจอคุณเค็นลูกชายของคุณอยู่แล้วค่ะ " ผู้เป็นเจ้าสาวเอ่ยปลอบ หล่อนรู้ว่าการแต่งงานของหล่อนกับพ่อม่ายมหาเศรษฐีนี้ ทำให้ลูกชายของเขาไม่ชอบหล่อนนัก แต่จะทำยังไงได้ เขาเป็นคนดีแล้วก็จริงใจกับครอบครัวของหล่อน ยูริก็เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ "ครับผมหวังว่าตาเค็นคงไม่ทำให้คุณกับหนูยูริลำบากใจ" "ไม่เลยค่ะคุณ ขอเพียงคุณเมตตาฉันกับลูกก็พอใจแล้ว" "นี่ยูริวันนี้สวยเชียวน๊า " เสียงหวานของเพื่อนที่เอ่ยทักทำให้เด็กสาวที่กำลังช่วยดูแลแขกเกลื่อในงานนั้นหันมายิ้ม หล่อนก้มมองชุดเกาะอกสีชมพูหวานนั้นแล้วอมยิ้ม กระโปรงที่ฟูฟ่องนั้นทำให้หล่อนเหมือนกับตุ๊กตาบาร์บี้ รองเท้าส้นสูงสีครีมที่หล่อนใส่ก็เช่นกันทำให้หล่อนดูสวยสง่าเหมือนสาวสะพรั่งเลยทีเดียว "แหมก็นิดนึงแหละ งานแต่งแม่ฉันนี่ มานี่ดีกว่า" ยูริหันไปตีแขนเพื่อนสนิท หล่อนดึงมือเล็กของเพื่อนหล่อนแล้วเดินนำออกไปคุยกันนอกระเบียง "ฉันไม่เห็นลูกชายพ่อเลี้ยงแกเลยอ่ะ หน้าตาเป็นแบบไหนเหรอ" "ฉันก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน แต่รู้สึกว่าเป็นดารามั๊ง " ยูริเอ่ยพรางหันมองไปรอบๆ งานเพื่อสำรวจดูอีกครั้ง "ว้าวว ดาราเหรอใครอ่ะ" "ไม่รู้สิ แม่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน "ยูริเอ่ยพร้อมกับหยิบแก้วน้ำเข้าปาก พู๊ดดด!!! "ว๊ายยูริ อะไรของแกเนี่ย " เพื่อนสาวร้องอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่ายูริพ่นน้ำหวานที่กำลังดื่มไปนั้นออกมาอย่างแรง "นะ นี่แก นี่มันน้ำอะไรอ่ะ ทำไมมันฉุนๆ " หล่อนก้มมองน้ำสีแดงอมส้มในแก้วทรงสูง "ก็ค็อกเทลไง" "ฮ่ะ ค็อกเทล " ยูริเอ่ยถามหล่อนเริ่มตกใจ เพราะนั่นหมายถึงสติตัวเองที่มันจะไม่สามารถควบคุมได้ในอีกไม่ช้านานนี้ หล่อนแพ้แอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยหล่อนก็แพ้ "เอ้าแกแพ้แอลกอฮอล์เหรอ " เพื่อนสาวหล่อนถามอย่า "อืมใช่สิ นิดหน่อยฉันก็เตลิดแล้วแก" ยูริเอ่ยพรางนึกถึงเรื่องเมื่อสองปีที่แล้ว หล่อนจำวันนั้นได้วันที่หล่อนเรียนอยู่ไฮล์สคูลที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในที่อเมริกา หล่อนไปปาตี้วันเกิดเพื่อนของหล่อน หล่อนดื่มเครื่องดื่มนิดหน่อย หลังจากนั้นหล่อนก็ไม่รู้สึกตัวเลย ตื่นมาอีกทีคือบนเตียงกับผู้ชายคนนั้น #ภาพเมื่อสองปีก่อน# กรี๊ดดด!!! "นะ นายเป็นใครกัน " ยูริมองดูชายหนุ่มลูกครึ่งที่เปลือยหน้าอก ซึ่งสภาพเธอตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน หล่อนเปิดผ้าห่มมองดูตัวเองถึงกับตาโต มันไม่มีเสื้อผ้าเหลือสัก "เอ้า นี่เธอจำไม่ได้เหรอ เมื่อคืนเธอกับฉันเราสนุกกันบนนี้ " เด็กผู้ชายคนนั้นพูดพรางเหลือบมองเตียงกว้างนั้น ยูริหน้าแดงจัดด้วยความโกรธ เพี๊ยะ!! เธอย่ำยีฉันใช่ไหม " หล่อนตบหน้าเขาไปอย่างแรง "จะบ้าเหรอ เธอต่างหากที่เป็นฝ่ายลากคอฉันขึ้นเตียง" กรี๊ดด!! " ไอ้บ้าไม่จริงอ่ะ กรี๊ดๆๆๆ!!! ยูริกรีดร้องอย่างไม่เชื่อตัวเอง หล่อนใช้เวลาที่เขาเข้าไปอาบน้ำแล้วหนีออกมาจากตรงนั้น นับจากวันนั้น หล่อนก็ขอแม่ของหล่อนกลับมาเรียนที่ไทย หล่อนอยากลืมเหตุการณ์ที่ฝันร้ายนั้น ฝันร้ายที่สุดที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะเจอได้ การเสียสาวครั้งแรกในวัยเพียง 17 ปี ซึ่งคนที่ได้ความบริสุทธิ์ของหล่อนไปนั้นเป็นใครก็ไม่รู้ ไม่รู้จักแม้ชื่อเขาด้วยซ้ำ แต่จะว่าไปตอนนี้หล่อนรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร เขาคือผู้ชายที่กำลังโด่งดังมากที่สุดตอนนี้ " เค็นตะ เนลสัน" ***************** หลังจากนั้นยูริก็ไปบอกแม่ของหล่อนตามตรง คุณลุงให้คนขับรถไปส่งเธอที่บ้านก่อน เพราะแม่และท่านต้องเข้าห้องหอที่โรงแรมนั้น หล่อนนั่งมาในรถตัวอ่อนปวกเปียก คอพับคออ่อน ยังดีน่ะที่มียายแอนนามาเป็นเพื่อนหล่อนจึงเบาใจนิดหน่อย "ฉันกลับก่อนน่ะยูริ" "ขะ ขอบใจมากน่ะแก ฉันคงเดินไปส่งแกไม่ไหว " ยูริโบกมือบ๊ายบายเพื่อนสาวก่อนจะเดินแบบโซซัดโซเซเข้าบ้านไป หล่อนกุมขมับเล็กน้อย ทำไมบ้านมันหมุนได้ หล่อนยังไม่ทันที่จะร้องเรียกแม่บ้าน "ว๊ายยยย คุณยูริ " เสียงหวีดร้องของหญิงวัยหกสิบกว่าก็ดังขึ้น ยังไม่ทันที่ร่างของเด็กสาวจะล้มลงกับพื้นก็มีร่างหนาของใครบางคนมารับไว้ทัน "ขะ ขอบคุณนะคะคุณเค็นตะ " ป้าแม่บ้านยิ้มอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่าลูกเลี้ยงของประมุขในบ้านไม่ได้ล้มหัวฟาดพื้น ไม่อย่างนั้นคุณผู้ชายเอาหล่อนตายเป็นแน่ ท่านอุตส่าห์โทรมาให้รอรับเธอด้วย โดยบอกว่าคุณยูริแพ้แอลกอฮอล์ขอมานอนพักที่บ้านก่อน เค็นตะ ไม่ตอบ สายตาเขาไม่ได้เงยหน้าไปมองหน้าป้าแม่บ้านด้วยซ้ำ เขามัวแต่มองดูใบหน้าหญิงสาวที่นอนไม่ได้สติบนตักของเขานี้ ผิวขาวอมชมพูระเรื่อนั้นทำให้เขามองมันเพลินตา เนื้อนุ่มนิ่มที่เขาสัมผัสอยู่นี้ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ นี่นะเหรอลูกเลี้ยงพ่อของเขา ทำไมถึงทำตัวสำมะเลเทเมาอย่างนี้ แต่เอ๊ะทำไมหน้าคุ้นๆ จัง คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน "เอ่อๆ คุณเค็นตะมาก็ดีแล้วค่ะ ช่วยป้าพาคุณยูริไปพักที่ห้องหน่อยนะค่ะ ป้าคงอุ้มเธอไม่ไหว" "เขาเป็นอะไรเนี่ยป้า ทำไมเป็นแบบนี้ " เสียงทุ้มอันทรงพลังนั้นเอ่ยขึ้นสีหน้าเครียด "เอ่อๆ เห็นคุณท่านว่าแพ้แอลกอฮอล์ค่ะ" ใบหน้าหล่อนั้นเคร่งขรึมทันที เขาเบะปากออกมาเล็กน้อย "หึ ในเมื่อแพ้แล้วจะดื่มทำไมกัน" ชายหนุ่มสบทออกมาเล็กน้อยจากนั้นก็อุ้มร่างบางของเจ้าหล่อนขึ้นไปยังชั้นบน....>>>>>
"นี่ๆ นางไปทางนั้นแล้ว เร็วๆ ตามจับมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นพวกเราโดนเด้งแน่เลย" เสียงเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของประเทศอียิปต์ ต่างวิ่งตามหาหญิงสาวคนหนึ่งที่ทำให้พวกเขาปวดหัวตั้งแต่ช่วงสายๆ เมื่อทัวร์ไทยมาถึง แก็งค์ลูกทัวร์ทั้งหมดต่างเข้าประเทศไปเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียง " บัวบูชา อัครเมธา" สาวไทยที่ถูกทิ้งไว้ที่ตรวจคนเข้าเมืองนี้ หล่อนถูกตม. ที่นี่สั่งห้ามเข้าเมือง เนื่องจากพาสปอตที่หล่อนทำเกิดการผิดพลาด เพียงแค่พิมพ์ชื่อผิดตัวเดียวเท่านั้น หล่อนขอร้องเขาอยู่นานเพื่อขอเข้ามาท่องเที่ยวที่นี่ ประเทศนี้เป็นประเทศที่หล่อนอยากมามากที่สุด เพราะหล่อนสนใจประวัติศาสน์สำคัญของที่นี่ หล่อนรู้สึกชอบมนต์ขลังของเมืองนี้ แล้วนี่ หล่อนเดินทางมาถึงที่แล้ว จะให้เหล่อนกลับไปได้อย่างไรกัน หล่อนไม่ยอมหรอก เป็นไงก็เป็นกัน หญิงสาวคิดหาหนทางขณะที่หล่อนยังแอบอยู่แถวๆ ท่าเรืออะไรสักอย่างในแม่น้ำไนท์แห่งนี้ "นั่นไงอยู่ทางนั้น" เสียงเจ้าหน้าที่ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทำให้เจ้าหล่อนวิ่งแบบไม่คิดชีวิต อาศัยช่วงชุลมุนของนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นเรือนี้เดินปะปนขึ้นมาบนเรือยอชน์หรูนี้ด้วย หากว่าเจ้าหน้าที่นั้นไปแล้วเจ้าหล่อนก็จะรีบลงทันที แต่นี่หล่อนดูท่าว่าพวกเขาจะยังคงวนเวียนอยู่แถวๆ ทางเดินขึ้นเรือนี้ เจ้าหล่อนจึงแอบนั่งปะปนกับนั่งท่องเที่ยวนี้ไปพรางๆ หล่อนตั้งใจจะไปหาไกด์และลูกทัวร์ที่มาด้วยกันให้เจอ แล้วหล่อนก็จะขอเที่ยวที่นี่กับพวกเขาด้วย หล่อนไม่มีกระเป๋าเดินทางหรอก เพราะเจ้าหล่อนทิ้งมันไว้ที่ตม.นั้น มีเพียงพาสปอตเจ้าปัญหานั้นติดตัวแล้วก็เงินเล็กน้อยเท่านั้นเอง จะให้เอาเงินมากมายที่ไหนมาหละ ก็กระเป๋าตังค์อยู่ในกระเป๋าเดินทางนั่น ได้มาแค่นี้ก็ถือว่าบุญแล้ว หล่อนจำเบอร์เพื่อนหล่อนในกรุ๊ปทัวร์นั้นได้ เดี๋ยวต้องหาหนทางโทรไปหาหล่อนสักหน่อย บัวบูชา ไม่รู้เลยว่าเรือลำที่เจ้าหล่อนไปหลบอยู่นั้น ตอนนี้มันกำลังเคลื่อนออกไปไกลจากฝั่งแล้ว หล่อนฟังภาษาอาหรับไม่รู้เรื่องเท่าไรหรอก แต่อาศัยคำบางคำที่หล่อนเคยอ่านในหนังสือประวัติศาสตร์แล้วจับใจความได้เพียงเท่านั้น เพราะเรือลำใหญ่มาก เวลาเรือเคลื่อนตัวออกไปจึงไม่รู้สึก หญิงสาวนั่งยิ้มแบบแห้งๆ ให้กับนั่งท่องเที่ยวที่เขามากันเป็นคู่ๆ มีบริกรของเรือนั้นกำลังจะตรวจบัตรอะไรสักอย่าง เจ้าหล่อนจึงอาศัยจังหวะนั้นลุกขึ้นแล้วเดินหนีออกไปจากกลุ่มนั้นทันที หล่อนกำลังหาทางออกจากเรือลำนี้แล้ว โอ้โห ทำไมมันใหญ่โตอย่างนี้นะ แล้วนี่ทางออกอยู่ทางไหนนี่ หญิงสาวเดินลัดเลาะในท้องเรือเพื่อหาทางออก หล่อนเดินหลงเข้ามาโซนๆ หนึ่ง ซึ่งมีประตูกั้นไว้ มันดูหรูหรายังกับปราสาทราชวัง หญิงสาวหลบอยู่ตรงนั้นอยู่สักพัก เพื่อดูทีท่า มีคนเฝ้าด้วยเหรอ เขตหวงห้ามรึไง อาจจะใช่แหะ หล่อนรีบหันหลังออกจากตรงนั้นทันที เพื่อออกจากที่นั้น แต่ยังไม่ทันที่เจ้าหล่อนจะหันหลังกลับก็มีเสียงบริกรในเรือเอ่ยถามหล่อนเป็นภาษาอาหรับ บัวบูชาทำหน้างง เขาจึงเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษ "นี่คุณผู้หญิงครับ เข้าไปไม่ได้นะครับที่ นั่นเขตหวงห้ามครับ" บริกรหนุ่มหน้าตาคมเข้ม เอ่ยบอกหล่อนบัวบูชา หันมาพยักหน้ารับรู้ จากนั้นเจ้าหล่อนก็เดินออกไปตามทาง เพื่อหาทางออกต่อไป สายตาหวานสอดส่องไปทั่วอาณาบริเวณ ดวงตาหวานก็ต้องสะดุดเข้ากับร่างของคนตรวจบัตรที่คอยตามเช็คคนในเรืออยู่นี้ เจ้าหล่อนเดินถอยหลังกลับไปยังหน้าประตูเขตหวงห้ามทันที โล่งอกที่ไม่มีคนอยู่ตรงนั้น หญิงสาวรีบวิ่งเข้าเปิดประตูทันที ร่างบางเดินเข้าไปเรื่อยๆ ในเขตนี้ หล่อนไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเลย ทุกอย่างในนี้ประดับประดาไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ชั้นดี สวยหรูดูดีดังกับพระราชวัง พื้นพรมกำมะหยี่สีแดงตามทางเดินยาวตลอดทาง หญิงสาวเดินไปจนถึงห้องโถง เหมือนเขาจัดทำไว้เพื่อมีการแสดงอะไรบางอย่าง กึก กึก กึก!!!! เสียงรองเท้าของใครบางคนกำลังเดินมาทางนี้ หญิงสาวหาทางหลบซ่อนตัว จากเสียงที่เข้ามาใกล้นั้น ช่องทางเดินที่อยู่ไม่ไกลนั้นคือเป้าหมายที่เจ้าหล่อนจะหลบซ่อนตัว "เร็วๆ เข้าทุกอย่างเตรียมพร้อมหรือยัง คุณฟาซีสต์ กำลังมาแล้ว หากทุกอย่างไม่เรียบร้อยหละก้อมีหวังหัวขาดแน่" เสียงบริกรหญิงสองสามคนที่ดูจะรีบร้อนสนทนากันอย่างเร่งรีบ บัวบูชาทำหน้าฉงน แสดงว่าคุณฟาซีสต์อะไรเนี่ยต้องดุแล้วก็น่ากลัวแน่ๆ เลย ตายหละบัวบูชา แกต้องรีบออกไปจากที่นี่แล้ว ที่นี่ปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ก็จริงอยู่ แต่อันตรายถึงชีวิตหากถูกจับได้ว่าเธอเองบุกรุกเข้ามา บัวบูชาแอบอยู่ตรงซอกนั้นเกือบเป็นชั่วโมง ซึ่งตอนนี้เหมือนผู้ที่มีอำนาจในนี้เริ่มมาแล้ว ทุกคนในที่นี้ดูโกลาหลเป็นที่สุด หญิงสาวแอบมองกลุ่มคนนับสิบคนที่รายล้อมชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ท่าทางดูแข็งแรง ใบหน้าคม ดวงตาหวาน จมูกโด่งรับกับใบหน้านั้น เขาดูหล่อแล้วก็ดูเท่ห์เป็นที่สุด ดวงตาของหญิงสาวถึงกับไม่ยอมกระพริบตาเลยก็ว่าได้ เขาดูเงียบขรึมแล้วก็น่าเกรงขาม ดวงตาดุจพญาเหยี่ยวเวลามอง มันดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก บัวบูชาถึงกับต้องหลบเข้าไปในด้านในสุดเลยก็ว่าได้ ทำไมเขาดูน่ากลัวจังเลย เมื่อทุกคนเดินผ่านไปแล้ว หล่อนจึงค่อยๆ ย่องออกมาจากตรงนั้น แต่ยังไม่ทันที่หล่อนจะพ้นจากที่หลบซ่อน ร่างบางก็ต้องยืนแข็งทื่อ เมื่อหล่อนได้ยินเสียงนั้น "นี่เจ้าเป็นใคร ทำไมมาอยู่ที่นี่" เสียงหญิงสาวแหลมๆ เอ่ยถามเจ้าหล่อน ทำเอาบัวบูชาทำหน้าไม่ถูก "เอ่อๆ ข้าๆ " "หรือเป็นนางรำที่มาแสดงต่อหน้าให้คุณฟาซีสต์ชม" "เอ่อใช่ๆ ฉันมาเข้าห้องน้ำนะ แต่กลับไม่ถูก" "อ๋อ อยู่ด้านนู้นยะ เดินไปเลี้ยวซ้ายห้องเกือบสุดท้าย" "เอ่อๆ ขอบใจนะ ข้าไปแหละ" "บัวบูชารีบกล่าวขอบคุณแล้วรีบเดินไปจากตรงนั้นทันที" หญิงสาวไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว เธอจึงเดินเข้าไปตามทางที่เจ้าหล่อนว่า เดินไปเลี้ยวซ้าย ห้องสุดท้าย หญิงสาวหยุดยืนหมุนไปหมุนมาโดยไม่กล้าเปิดประตูห้องใดห้องหนึ่ง เพราะไม่แน่ใจว่าใช่ห้องนี้หรือเปล่า แต่ยังไม่ทันที่เจ้าหล่อนจะเลือกห้อง สายตาหวานก็เหลือบไปเห็นบริกรหนุ่มเดินเข้ามาทางนี้ ด้วยความที่หล่อนขี้เกียจตอบคำถามหญิงสาวจึงเปิดประตูห้องที่ใกล้ที่สุดแล้วหายเข้าไปในนั้น...>>>>>>
**อัคคี เมธาปรีชาชัย หรือไฟ** ต้องใช้สติอย่างมากเพื่อประคองพวงมาลัยรถหรูของเขา ชายหนุ่มเพิ่งกลับจากงานเลี้ยงรุ่น ทุกคนในกลุ่มรวมทั้งเขาไม่มีใครมีสติครบถ้วนสักคน ไอ้ที่พอมีอยู่บ้างก็หิ้วสาวๆไปนอนกันเป็นแถวๆ เขาก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ไม่อยากจะบอกเลยว่ามันไม่พอ ไม่พอสำหรับพลังของหนุ่มวัย 30 หมาดๆอย่างเขา สายตาคมพยายามกวาดตามองไก่หลงตามข้างทาง ไม่ใช่ว่าลดเกรดตัวเองหรอกนะ แต่เพื่อนเขาบอกว่าถนนเส้นนี้มีแต่ของดีทั้งนั้นเขาถึงขับรถมาดูไง "นั่นไงยืนอยู่นั่น " อัคคีเปรยออกมาเบาๆพรางปรับสายตาตัวเอง เพื่อมองร่างหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงเสาไฟนั้น ชายหนุ่มจอดรถแล้วเดินปรี่เข้าไปหาหล่อนทันที "ห้าพันพอมั๊ยน้องสาว ไปกับพี่ " เสียงที่อ้อแอ้นั้นบ่งบอกว่าคนที่พูดเมามาก ชายหนุ่มไม่ได้ดูสีหน้าคนที่เขาจะคุยด้วยหรอก เขาก็ลากหล่อนขึ้นรถไปในทันที **ไอลดา อมรพงษ์ หรือไอด้า** สาวลูกครึ่งผมสีน้ำตาลนั้น ดิ้นรนขัดขืนชายหนุ่มอย่างสุดกำลัง อีตาบ้านี่เป็นใครกันมาลากหล่อนขึ้นรถทำไม แล้วนี่จะพาหล่อนไปไหน ใบหน้าสวยใสไร้เครื่องสำอางนั้นวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมก็ตื่นตระหนกอยู่แล้วกับเรื่องก่อนหน้านี้ หล่อนหนีออกจากบ้าน เพราะฝีมือของสามีใหม่ของแม่เลี้ยงหล่อน หล่อนต้องวิ่งหนีออกมาจากการบ้ากามของชายรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อ หล่อนนอนอยู่ในห้องดีๆ สามีใหม่ของแม่เลี้ยงหล่อนก็ย่องเข้าหาหมายปลุกปล้ำหล่อน แต่หล่อนใช้แจกันหัวเตียงฟาดไปอย่างแรง ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นตายร้ายดียังไงบ้าง แล้วนี่หนีเสือจะมาปะจระเข้เสียอีก "ว้าย นี่ไอ้บ้า นายจะพาฉันไปไหน" เสียงหวานตะโกนด่าทอคนขับรถ สายตาก็มองหาสิ่งที่สามารถจะปลดล็อคประตูเปิดหนี แต่มันก็หาไม่เจอสักที "นี่น้องสาวอย่าทำมาเล่นตัว คิดจะเพิ่มค่าตัวหรือไง " อัคคีหันไปบอกหญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถเขาแบบอยู่ไม่สุข สายตาคมมองชุดนอนเนื้อบางเบาที่หล่อนใส่ มันทำให้เขาของขึ้นเป็นที่สุด ชายหนุ่มกำเจ้าน้องชายของเขาไปมาเบาๆ "อี๋ๆ นี่นายจะทำบ้าอะไรของนาย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะฉันจะแจ้งตำรวจ " ไอด้าตะโกนใส่หน้าชายหนุ่มพรางมือเรียวก็ทุบตีร่างแกร่งของเขาไปมา อัคคีหันมองหญิงสาวก็นึกหมั่นเขี้ยว นี่เล่นสมบทบาทจริงเชียวแม่ไก่หลงตัวนี้ คอยดูเหอะ พ่อจะกินไก่ตัวนี้ให้ไม่เหลือซากเลยคอยดู คิดดังนั้นชายหนุ่มก็รีบจอดรถหน้าคอนโดของเขา เขารีบเดินเข้าไปอีกฟากของรถราคาเฉียดสิบล้านนั้น ร่างหนารีบช้อนร่างสาวแล้วเดินลิ่วขึ้นไปด้านบนห้องของเขาในทันที เขาไม่สนว่าเจ้าหล่อนจะดิ้นรนขนาดไหน ผู้หญิงพวกนี้เล่นละครเก่งจะตาย ตุ๊บ !! "โอ้ยยย ไอ้บ้าฉันเจ็บนะ นายพาฉันมาทำไม ฉันไม่ใช่อีตัวนะ " ไอด้าตะโกนต่อว่าชายหนุ่มพร้อมกับทำท่าจะลุกหนี หมับ!!!" จะไปไหนแม่ไก่หลง อย่าทำมาเล่นตัว แค่นี้ก็พอแล้ว ฉันไม่อยากเล่นละครกับเธอแล้ว " พูดเสร็จ อัคคีก็ถอดชุดตัวเองออกจนหมดไม่หลงเหลืออะไรเลยสักชิ้น ไอด้ามองเขาอย่างหวาดหวั่น หล่อนกรอกตามองใบหน้าคมที่ลอยอยู่บนหน้าหล่อนนี้ด้วยหัวใจที่ระทึก ไอ้บ้านี่เมาหื่นจะเอาเขาไปทั่ว ดูสิไม่ลืมหูลืมตาเลย หญิงสาวพยายามมองหาสิ่งของที่จะใช้ช่วยหล่อนให้หลุดพ้นจากไอ้บ้ากามนี้ให้จงได้ ข้อมือก็ถูกมันตรึงไว้ ขาหล่อนก็ทูกร่างใหญ่ของมันทาบทับจนตอนนี้มันขยับไม่ได้แล้ว "ไอ้บ้าปล่อยฉันไปนะ ฉันไม่ใช่อีตัว ฉันไม่ได้เป็นผู้หญิงอย่างว่า " อุ๊บ!! "อื้ออ " ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบ ปากกระจับที่อวบอิ่มนั้นก็ถูกร่างหนาฉกวูบลงมาอย่างรวดเร็ว หญิงสาวดิ้นรนไปมาอยู่อย่างนั้น แต่แรงอันน้อยนิดหรือจะสู้แรงผู้ชายทั้งแท่งอย่างเขา ย้ำคำว่าทั้งแท่ง ไอด้าหลับตาปี๋พรางส่ายหน้าไปมาเพื่อหนีเขา "อื้ออ ...." อัคคีครางอย่างขัดใจเมื่อไก่หลงตัวนี้ของเขามันเปรียวเสียจนเขาต้องออกแรงมากเป็นพิเศษ ชายหนุ่มใช้ฟันสวยของเขาขบเม้มริมฝีปากหญิงสาวอย่างแรงพอประมาณ "อ๊ะ อื้อออ " ไอด้าสะดุ้งร้องอย่างเจ็บปวด อัคคีอาศัยจังหวะนั้นส่งเรียวลิ้นเข้าหาความหวานข้างในโพรงปาก "อืมมม...หวานๆจังแม่ไก่หลง " เขาเปรยออกมาเบาๆพรางมือหนาก็ลูบคลำไปทั่วเรือนร่าง พรืดดดด!!! " อ๊ายยยย " เสียงหญิงสาวใต้ร่างร้องอย่างตกใจ เมื่อชุดนอนของหล่อนถูกดึงทึ้งออกจนขาดวิ่น อัคคีมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้อย่างระรานตา เขาไม่อยากจะเชื่อทรวดทรงองค์เอวของหล่อนนี้เป็นนางแบบได้อย่างสบายทำไมถึงมาขายตัวแบบนี้นะ น่าเสียดายจริงเชียว เลือดในกายของเขาพลุ่งพล่านไปทั่วกายกำยำนั้น หล่อนบอกไม่ได้มาขายตัว แล้วทำไมใส่ชุดนอนมายืนแถวๆนี้แถมโนบราอีกต่างหาก หึ ใครจะเชื่อร้ายนักเชียวแม่ไก่ตัวนี้ "ซ่อนรูปเสียด้วย " เขาเอ่ยเสียงแหบพร่า พรางมองหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่เกินตัวของเจ้าหล่อนนิ่ง ไอด้ามัวแต่ตกใจที่เขาดึงเสื้อหล่อนออกจนลืมไปว่าหล่อนนอนล่อนจ้อนต่อหน้าเขานี้ "ว้าย ไอ้บ้า นี่ปล่อยฉันนะ ฉันจะแจ้งตำรวจมาจับแก กรี๊ดดดดดด!!! เสียงหวานเอ่ยได้แค่นั้นเสียงกรีดร้องก็ดังออกมาเมื่อชายหนุ่ม จับหล่อนอ้าขาแล้วยัดเจ้าดุ้นอันมหึมานั้นใส่ใจกลางสาวของหล่อนอย่างแรง พรวดดดด!!! อัคคีไม่ฟังอะไรจากหล่อนอีกแล้ว ตอนนี้เขากำลังกลัดมัน เขาต้องการปลดปล่อยเป็นที่สุด ไม่ว่าด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือความหื่นของเขาที่มันมีอยู่แล้วก็ตาม ตอนนี้เขาอยากเอาผู้หญิงคนนี้เป็นที่สุด ชายหนุ่มไม่รอช้า เขาไม่สนใจคำพูดอะไรของหล่อนหรอก เขาต้องการปลดปล่อย "ซี๊ดดดดด" เสียงเขาครางออกมาอย่างเสียวซ่านเมื่อภายในกายสาวที่เขาทะลุทะลวงเมื่อครู่นี้มันคับแน่นๆเสียจนเขาอึดอัด ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะควบม้า เขาจัดการใส่แรงทั้งหมดที่มีอย่างไม่ยั้ง ร่างหนาไม่ได้สนใจร่างบางใต้ร่างเขาเลยแม้แต่น้อยว่ามันจะบอบช้ำเพียงใด ตอนนี้ขอเพียงได้ปลดปล่อย "อ๊าส์ อ่าส์ มันสุดยอดเลยวะ " เขาเอ่ยระหว่างที่เขาควบร่างหล่อนอยู่อย่างเมาส์มัน ...ตับ ตับ ตับ !!! ...>>>
ในงานพรอมของโรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งในแถบยุโรป หนุ่มสาวไฮท์สคูลปีสุดท้ายต่างอยู่ในชุดสวยสง่า ชายหนุ่มก็สวมสูททักสิโด้ ส่วนหญิงสาวก็อยู่ในชุดเจ้าหญิง หนุ่มสาวบางคนใช้งานนี้ในการบอกรัก และหนุ่มสาวบางคนก็ใช้ในการหาคู่ ใบหน้าทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข แต่ทว่าไม่ใช่พี่น้องฝาแฝดคู่นี้ เอลซ่าและอาเทอร์ ทั้งคู่เดินเข้างานด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง ต่างย่นจมูกใส่กันเหมือนกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่กระนั้นมันก็บดบังความสวยสง่าของทั้งคู่ไม่ได้ ทุกคนหันมามองตามอย่างประทับใจ “เธอดูอาเทอร์สิ หล่อราวกับเทพบุตรหนะ” เสียงสาวๆในงานเอ่ยขึ้น พรางหันมาส่งยิ้มหวาน ด้วยความที่เป็นหนุ่มเจ้าสำราญเขาจึงโปรยยิ้มหวานไปให้สาวๆนั้น ดวงตาคมสีฟ้าเปล่งประกายระยิบระยับดังดวงดาวบนท้องฟ้า ทำเอาสาวๆกรี๊ดกร๊าดเป็นทิวแถว “เอลซ่าก็สวยสง่าดุจเจ้าหญิง น่ารักชะมัด” และเสียงนั้นทำให้ดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มหันไปมอง ภาพที่เห็นคือหญิงสาวรูปร่างหน้าตาสะสวย ผมสีน้ำตาลมันเงางาม ดวงหน้าหวานแต่แววตาสีสนิมนั้นดูมีพลัง ร่างชายหนุ่มที่ดักซุ่มดูอยู่มุมมืดหันไปมองอย่างตกตะลึง “แกสนใจเอลซ่าเหรอวะ บอกไว้ก่อนนะโว้ย อาเทอร์หวงน้องสาวมาก”เสียงเด็กหนุ่มในแก็งค์เดียวกันเอ่ยขึ้น อีธานกลับมองเลยไปยังชายหนุ่มร่างสูงผิวขาวสว่างนั้นแล้วยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันกลับไปมองท่วงท่าของหญิงสาวสะดุดตานั้นอย่างไม่วางตา “อาเทอร์ กลับเหอะ ฉันอยากกลับบ้านแล้ว” เอลซ่าบอกพี่ชาย ก่อนจะจ้องดวงตาสีฟ้านั้นเขม็ง “อะไรหละเอลซ่า เพิ่งมาเอง” อาเทอร์บอกน้องสาวหัวแก้วหัวแหวน ก่อนจะหลบดวงตาสีสนิมนั้นอย่างเกรงใจ “ก็ฉันบอกแล้วว่าไม่มาๆ นายก็จะมาหาสาวๆ น่าเบื่อ” เอลซ่าชักสีหน้าก่อนจะสะบัดใบหน้าออกไปทางอื่น หล่อนหันไปมองพี่ชายอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะปลีกตัวจากผู้คนนั้นออกมานั่งเพียงลำพัง หล่อนเงยหน้ามองดวงจันทร์กลมโตด้วยความสุขใจ แม้พระจันทร์จะไม่ได้ให้พลังหล่อนเหมือนกับพี่ชาย แต่ทว่าหล่อนก็ชอบเพราะว่ายามค่ำคืนนั้นมันดูสงบ หล่อนก้มมองสร้อยคอรูปดวงอาทิตย์ที่อยู่บนคอ ก่อนจะนึกถึงคำของพ่อกับแม่ว่าให้ใส่ติดตัวไว้ห้ามถอดมันเด็ดขาดเพราะมันจะทำให้หล่อนไม่เป็นสุข “ทำไมมานั่งคนเดียวหละครับคนสวย” เสียงนั้นทำให้เอลซ่ารีบหันไปมอง ดวงตาหวานจ้องมองผู้มาเยือนนั้นเขม็ง ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่การเข้ามาใกล้ขนาดนี้มันดูไร้มารยาท “ทำไมฉันต้องบอกนายด้วย นายเป็นใครทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้าเลย”เอลซ่ามองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมคาย ดวงตาคู่นั้นสีเดียวกับหล่อน น้อยคนนักที่จะเป็นแบบนี้ จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าของเขา ปากหยักเข้ารูป เอลซ่าไล่มองตามอย่างลืมตัว “ผมเป็นใครไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญคือผมอยากรู้จักคุณ” “อย่ามาสนิท ฉันไม่อยากรู้จักนาย ไปซะก่อนที่พี่ชายฉันจะมา” เอลซ่าหันไปบอกเขา ถึงแม้ว่ารูปร่างเขาจะสูงใหญ่ แต่พี่ชายหล่อนก็ไม่เคยกลัว เขาไม่ใช่ผู้วิเศษมาจากไหน แต่เขาจะไม่ปล่อยให้ใครมาเข้าใกล้น้องสาวเขาแม้แต่ก้าวเดียว หญิงสาวคิดถึงเรื่องราวตั้งแต่เด็กจนโต “คนอย่างอีธานไม่เคยกลัวใคร” ร่างหน้าขยับเข้ามาใกล้ เขามองหน้าหญิงสาวดวงตาสีสนิมนั้นนิ่ง ไม่รู้เพราะเหตุใดหัวใจเขาถึงเต้นแรงขนาดนี้ ดวงตาเจ้าหล่อนดึงดูดเขาเป็นที่สุด อีธานกวาดตามองดวงหน้าหวานภายใต้แสงจันทร์ผ่องนั้นนิ่ง “อันนั้นมันก็เรื่องของนาย ไปไกลๆเลย ฉันไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย” เอลซ่าจ้องหน้าชายหนุ่มร่างใหญ่ตรงหน้านั้นนิ่ง หล่อนย่นจมูกให้กับเขา พร้อมทั้งแยกเขี้ยวใส่เขาอีธานกลับมองเจ้าหล่อนอย่างเพลินตา ความสวยของเจ้าหล่อนทำให้เขาละสายตาไปจากดวงหน้าขาวนวลนั้นไม่ได้จริงๆ “ไม่ไป ทำไมกลัวหลงเสน่ห์ผมเหรอ”สายตาคมหรี่มองคนตัวเล็กแล้วอมยิ้ม เอลซ่าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างหมั่นไส้ ใครจะหลงเสน่ห์นายกันไอ้บ้านี่หลงตัวเองชะมัด “แหวะ!! อยากจะอ๊วก”เอลซ่าแหวต่อหน้าเขา อีธานมองเจ้าหล่อนอย่างมันเขี้ยว กล้าดียังไงมาแหวะใส่เขา ผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้เขามีแต่หลงใหลในตัวเขาทั้งนั้น “มันจะมากไปแล้วนะเอลซ่า” อีธานเม้มปากแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธ เอลซ่าเห็นดังนั้นก็อมยิ้ม ก่อนจะลอยหน้าลอยตายั่วอารมณ์เขา “ทำไมนายจะทำไม” เสียงหวานเอ่ยพรางเบ้ปากแล้วยิ้มเยาะ อีธานหลุบตาลงต่ำ สายตาจ้องอยู่กับกลีบปากอิ่มที่คมยิ่งกว่ากรรไกรนั้น “หึ ก็จะทำแบบนี้ไง” “หมับ!! “อ๊ะ นี่นะ อุ๊บ !! อื้อ” เอลซ่าพยายามดิ้นหนีการจับดวงหน้าของหล่อนออกห่าง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วปากหยักร้ายกาจกดลงปากอิ่มของหล่อนอย่างรวดเร็ว เอลซ่าพยายามเบี่ยงตัวเองหนี แต่ทว่าฝ่ามือหน้าที่ล็อคคอหล่อนไว้กลับแน่นยิ่งกว่าปอกเหล็กหล่อนถูกไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้มาจูบ ร่างน้อยกว่ากำลังต่อสู้ขัดขืน “เอลซ่าอยู่ไหนหนะ เธอไปอยู่ไหน” เสียงนั้นทำให้เอลซ่าดีใจ หล่อนพยายามออกแรงเพื่อดันเขาแล้วขานรับพี่ชายของหล่อน จู๊บบร๊ะ!! “อี๋ !! อาเทอร์ฉันอยู่นี่” เอลซ่าตะโกนเรียกพี่ชาย หล่อนหันไปมองพี่ชายก่อนจะหันมายิ้มเยาะให้กับไอ้บ้ากามนี้ “หึ พี่ฉันมาแล้ว นายสะ...อ้าว ไปไหนแล้ว ไอ้บ้าเอ้ย” เมื่อเห็นมาเห็นความว่างเปล่า ทำให้เอลซ่าหัวเสียเป็นที่สุด หล่อนยืนกำมือแน่นด้วยความเจ็บใจ ไอ้บ้านั่นเป็นใครกันกล้าดียังไงมาจูบหล่อน คอยดูนะเจอหน้าจะเอาเรื่องนายให้ยับเลยคอยดู....>>>>>>
Dear Reader, we use the permissions associated with cookies to keep our website running smoothly and to provide you with personalized content that better meets your needs and ensure the best reading experience. At any time, you can change your permissions for the cookie settings below.
If you would like to learn more about our Cookie, you can click on Privacy Policy.