bc

LOVE.HURT.KILL

book_age18+
98
FOLLOW
1K
READ
HE
gangster
drama
like
intro-logo
Blurb

คนเราเมื่อเลือกที่จะรัก ก็ต้องกล้าที่จะเจ็บ

"ฉันไม่กลัวที่นายเป็นฆาตกร ไม่โกรธที่นายฆ่าคน..."

เเม้ว่าความเจ็บนั้นจะสาหัสมากเเค่ไหนก็ตาม

......

เรื่องนี้เป็นนิยายเก่าสมัย 10 ปีที่แล้ว เรานำกลับมาลงใหม่นะคะ

หากมีภาษา เนื้อหา ทัศนคติตัวละครบ้ง ไม่ทันสมัย ต้องขออภัยด้วยนะคะ

ป.ล เป็นนิยายกลิ่นอายอนิเมะ มีความเบียว ไม่สมจริงหลายส่วนค่ะ

chap-preview
Free preview
บทนำ
ตุ้บ ผัวะ!! “วะ...ไว้ชีวิตผมด้วยครับ” เสียงแหบทุ้มสั่นเครือพลางยกมือขึ้นเหนือหัวอย่างหวาดกลัว และแอบวาดหวังในใจว่าร่างสูงตรงหน้าจะเห็นใจตนที่ตอนนี้แทบจะหมดลมหายใจอยู่รอมร่อ ทว่าดูท่าเจ้าของนัยน์ตาสีสนิมตรงหน้ากลับไม่ใส่ใจในคำอ้อนวอนขอชีวิตของผู้เสียเปรียบเลย “...” “ผะ...ผม...” ปัง! ไม่ทันทีเสียงนั้นจะเล็ดลอดออกมาจนหมด เจ้าปืนสั้นก็ปิดปากให้เงียบสนิทก่อนที่ร่างทั้งร่างจะล้มลงกับพื้นอย่าง หมดสภาพพร้อมกับเหล่าของเหลวสีสดอาบไหลทั่วทั้งร่าง เจ้าของการกระทำอันแสนเหี้ยมโหดมองร่างไร้วิญญาณตรงหน้าด้วยแววตาเรียบนิ่งก่อนจะเก็บปืนใส่กระเป๋ากางเกงอย่างใจเย็น ‘โฮคิ’ นั่นคือนามของเจ้าของการกระทำแสนเลือดเย็นเมื่อครู่ เขามีใบหน้าเรียวยาวและเรือนสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ ดวงตาเรียวสวยตรงปลายตวัดขึ้นเล็กน้อยทำให้ดูเป็นคนที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวตลอดเวลา ทว่านัยน์ตาสีสนิมกลับเรียบนิ่งและแฝงความอันตรายเอาไว้มากมาย เมื่อเลื่อนระดับสายตาลงมาจะพบว่าสันจมูกของเขายาวโด่งแบบพอประมาณซึ่งเข้ากันได้ดีกับริมฝีปากรูปกระจับสีแดงติดคล้ำ ซึ่งบ่งบอกได้อย่างดีเลยว่าเขาเป็นคนสูบบุหรี่จัดมากแค่ไหน “บัดซบ” โฮคิสบถ พลางก้มมองร่างไร้วิญญาณของชายวัยเบญจเพสที่นอนหมดสภาพจมกองเลือดโดยที่ข้างกายนั้นมีซองสีน้ำตาลตกอยู่ข้างๆ เขาหยิบมันขึ้นมาก่อนที่มือจะล้วงเอาไฟแช็กจากกระเป๋ากางเกงอีกข้างขึ้นมาแล้วจุดเผาซองดังกล่าวจนมอดไหม้ในขณะที่เขายังคงจับมันไว้อย่างไม่กลัวร้อน และเมื่อเปลวไฟลุกลามจนถึงขอบซองกระดาษเขาจึงยอมปล่อยให้มันไหม้เองจนหมด ดูเหมือนทุกอย่างจะเสร็จสิ้นแล้ว...โฮคิเดินออกมาจากโรงเก็บเศษเหล็กก่อนจะหยิบสเก็ตบอร์ดสีดำตัดแดงลายหัวกะโหลกคู่ใจของตนที่ตั้งพิงกับผนังซีเมนต์ใกล้ๆ พร้อมกับเดินออกมา และเมื่อออกมาด้านนอกโรงเก็บเศษเหล็ก เท้าที่สวมเพียงผ้าใบสีน้ำเงินตัดแดงเก่าๆ ซึ่งเต็มไปด้วยรอยปะและรอยเย็บก็จัดการถีบบานประตูที่เดิมเปิดอ้าเอาไว้ให้ปิดลงจนเกิดเสียงดังลั่นสนั่นไปทั่วบริเวณรอบๆ ที่เงียบสงัดไร้สิ่งมีชีวิตใดๆ นอกจากเขา ดวงตาคู่คมปรายมองไปรอบๆ ก่อนจะเดินไปยังทิศตะวันตกซึ่งเป็นเส้นทางกลับสู่ที่พักแคบๆ ซึ่งไม่ได้ต่างอะไรไปจากห้องเก็บขยะอันเต็มไปด้วยความสกปรกโสโครก... ใช่แล้ว ที่พักของเขาเป็นอย่างที่กล่าวมาจริงๆ มันเป็นเพียงห้องเก็บของเก่าๆ ที่ถูกปล่อยรกร้างมานานแรมปี ภายในมีเพียงความสกปรก มีกลิ่นมีสาบและกลิ่นอับชื่นซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าเป็นสถานที่ที่ไม่ควรแก่การเข้ามาเหยียบย่ำ แต่เขากลับมองข้ามจุดนั้นเพราะเกิดความเคยชินกับมันเสียแล้ว “กรี๊ดด ปล่อยฉันนะ!! ไม่นะ ไม่!!" พึ่บ! ขายาวๆ ของโฮคิชะงักกึกลงทันใดเมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงเสียงหนึ่งกำลังร้องขอความช่วยเหลือ น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความทรมานและสั่นเครือราวกับจะตายอยู่รอมร่อ เขาหัวเราะในลำคอเมื่อสายตาเหลือบไปทางต้นตอของเสียงซึ่งมาจากด้านซ้ายมือของเขา มันเป็นตรอกแคบๆ เล็กๆ แต่ด้านในนั้นฉายภาพชายฉกรรจ์เกือบสิบคนกำลังรุมกระทำชำเราร่างบางซึ่งนอนแดดิ้นกับพื้นอย่างทุรนทุราย มือของพวกมันฉีกกระชากเสื้อผ้าของผู้หญิงคนนั้นอย่างสนุกสนาน ใบหน้าหื่นกระหายเหยียดยิ้มราวกับพึงพอใจในสิ่งที่ตนเองกระทำ โฮคิดึงสายตาของตัวเองกลับมาดังเดิมก่อนจะเดินไปด้านหน้า เพราะเขาไม่ใช่พวกที่จะไปใส่ใจกับเรื่องของคนอื่น ถึงแม้เธอผู้นั้นจะเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ผู้น่าสงสาร ถูกไอ้พวกเดนนรกทำเรื่องต่ำช้าอย่างน่าสมเพชเวทนา แต่ต่อให้เธอโดนกระทำจนตาย... มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่ดี เพราะถ้ามันไม่ได้แลกมาซึ่งเงิน อย่าหวังว่าเขาจะเฉียดกายเข้าไปยุ่ง! “อึก!! ไม่นะ! คะ..ใครก็ได้ ช่วยฉัน..ที!” น้ำเสียงสั่นคลอนยังดังติดหูเขาทั้งๆ ที่เขาก้าวหนีมันมาเรื่อยๆ นิ้วทั้งห้าซึ่งถูกสวมไปด้วยแหวนหัวกะโหลกเริ่มกำแน่นขึ้นอย่างไร้สาเหตุ ริมฝีปากติดคล้ำเม้มเข้าหากันราวกับต้องการระงับความขุ่นเคืองที่ก่อตัวขึ้นอย่างกะทันหันซึ่งเขาก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเขา “หยุดร้องเถอะน่า! ไม่มีหมาไหนมันมาช่วยเธอหรอก ขนาดไอ้เวรหัวเหลืองเมื่อกี้มันยังเมินเธอเลย ไม่เห็นหรือไง...” น้ำเสียงทุ้มใหญ่ดังตามมาซึ่งเป็นเสียงของหนึ่งในพวกชาติชั่วที่กำลังกระทำเรื่องเลวทรามกับผู้หญิงคนนั้น โฮคิชักฝีเท้าก่อนจะสาวเท้าเดินกลับไปยังจุดเกิดเหตุ เขาไม่รู้หรอกว่าเพราะเหตุใดเขาจึงตัดสินใจแบบนี้ แต่ที่รู้ๆ ตอนนี้เขาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “หยุด” โฮคิพูดเสียงเรียบในขณะที่แววตาเย็นชาของเขาเหยียดมองพวกเดนนรกอย่างเฉยชา พวกมันจำนวนเกือบสิบซึ่งกำลังหมกมุ่นกับเรือนร่างหญิงสาวที่บัดนี้เปลือยเปล่ามีเพียงบราเซียร์สีชมพูอ่อนกับกระโปรงที่ถูกเปิดขึ้นจนแทบเห็นอะไรภายในได้หันหน้ามองมายังเขา ชายฉกรรจ์ใบหน้าอวบอูมสีผิวคล้ำแห้งกร้านหนึ่งในนั้นลุกขึ้นจากกายหญิงสาวเมื่อเห็นเช่นนั้น มือหนาเสยผมอันน้อยนิดบนศีรษะก่อนจะพินิจพิจารณาโฮคิตั้งแต่เท้าจรดหัวและหัวจรดเท้าด้วยใบหน้ากวนอวัยวะเบื้องล่าง โดยนั่นไมต่างจากจาการท้าทายนรกเลยสักนิด “แกอยากร่วมวงกับพวกฉันเหรอไงไอ้หน้าอ่อน?” คนเดิมถามพร้อมกับรอยยิ้มเหยียด พวกมันที่เหลือซึ่งล้อมรอบหญิงสาวผู้น่าสงสารเองก็ส่งสายตามองมาที่เขาด้วยเช่นกัน แน่นอน เป็นใคร ใครก็คิดว่าเขาอาจจะเข้าร่วมกระทำเรื่องต่ำช้านั่น ด้วยลักษณะท่าทางดูไม่เป็นมิตรและน่ากลัวของเขา ดูยังไงก็ไม่มีคำว่าประสงค์ดีติดอยู่เลยแม้แต่เศษเสี้ยว คงมีแต่ความเลวและเรื่องเลวร้ายเท่านั้นที่เหมาะสมกับคนอย่างเขา แต่ขอเถอะ... เรื่องพรรค์นี้เขาไม่ยอมลดตัวลงไปทำกับพวกมันหรอก ถึงเขาจะฆ่าคนได้ไม่เลือกหน้า ทรมานได้ไม่เลือกเพศ แต่สิ่งที่พวกมันทำก็อาจจะดูเกินไปเสียหน่อย อีกอย่าง... ภาพตรงหน้ามันช่างอุจาดตาเสียเหลือเกิน เห็นแล้วมันน่าสมเพชจนเขาอดที่จะหักห้ามพวกมันไว้ไม่ไหว “ปล่อยผู้หญิงคนนั้นซะ “ โฮคิพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่าแฝงไปด้วยความน่ากลัว หากแต่พวกเดนนรกตรงหน้ากลับฉีกยิ้มเหยียดราวกับคำพูดของเขาเป็นเรื่องน่าขันเสียจนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ และเสียงหัวเราะแบบนั้น...เป็นสิ่งที่เขาเกลียดที่สุด ไอ้เสียงหัวเราะที่คล้ายกับการเห็นคำพูดของเขาเป็นเรื่องตลกพรรค์นั้น... “นี่แกคิดว่าแกเป็นพระเอกหนังหรือไงวะ ฮ่าๆๆ แม่งฮาว่ะ! ไปๆ กลับบ้านไปดื่มนมซะไปหนุ่มน้อย พอดีพวกฉันไม่นิยมชมตลกคาเฟ่ตอนดึกๆน่ะ” เจ้าของใบหน้าอวบอูมหัวเราะก่อนจะโบกมือไล่ราวกับสิ่งที่โฮคิพูดเป็นเรื่องตลกจริงๆ พวกมันไม่รู้เสียแล้ว...หายนะกำลังคืบคลานไปหาพวกมัน โฮคิไม่ใช่ผู้ชายใจเย็นที่อดกลั้นกับน้ำเสียงดูหมิ่นแบบนั้นได้นานเท่าไหร่นักหรอก และดูเหมือนทางเลือกของเขาจะน่ากลัวกว่าที่ใครๆ คาดไว้ เพราะหัวใจของเขาด้านชาจนไม่อาจรับรู้ความเมตตาได้อีก “เฮ้ย เสียเวลาว่ะ! รีบๆกลับบ้านซะไป กำลังเข้าที่แล้วเชียว! “คราวนี้ไม่ใช่เสียงของชายคนเดิมแต่เป็นเสียงของหนึ่งในพวกที่กำลังละเลงความสกปรกบนกายหญิงสาวคนนั้นซึ่งตอนนี้ทั่วทั้งใบหน้าเธอแปดเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ตามเนื้อตัวมอมแมมเปรอะไปด้วยคราบดินทราย มีเพียงความสังเวชที่เขารู้สึก แววตาเย็นชาทอดมองร่างบางที่หมดเรี่ยวแรงดีดดิ้นเพื่อเอาตัวรอด เหล่าเดรัจฉานประเคนความโสมมบนกายเธออย่างไม่ปรานีทั้งๆ ที่เขายังยืนอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ พวกมันก็ยังทำเรื่องต่ำทรามได้อย่างไม่รู้สึกกระดากอาย ปัง! “อะ...อึก” จู่ๆ เจ้าของประโยคพูดล่าสุดก็ทรุดกายลงกับพื้น ใบหน้าบิดเบี้ยวเนื่องจากความเจ็บปวดที่แล่นเข้าสู่ร่างกายและมันค่อยๆ เดินทางไปสู่หัวใจที่ดูเหมือนว่าจะเต้นช้าลงทุกทีๆ “เฮ้ย!! มึง!! นี่มึงยิงเพื่อนกูเหรอไอ้เวร!!!“ ดูท่าทุกคนจะตื่นตะลึงกับการกระทำของโฮคิมากจึงละความสนใจจากร่างบางผู้น่าสงสารนั่นและพุ่งเป้าหมายมายังเขาอย่างพร้อมเพรียง ทว่าสิ่งที่อยู่ในมือของโฮคิกลับทำให้พวกมันชะงักและกลืนน้ำลายก้อนใหญ่ลงคออย่างยากลำบาก จะไม่ให้หวาดวิตกก็ยังไงอยู่...ในเมื่อโฮคิถือปืนสั้นอยู่แบบนั้น ขืนเข้าใกล้ก็อาจจะลงไปแดดิ้นเป็นหนอนเหมือนเพื่อนมันเมื่อครู่ และแน่นอน...ตอนนี้ผู้ถูกยิงกำลังดิ้นทุรนทุรายราวกับจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด แค่เพียงนัดเดียวเท่านั้น โฮคิสามารถทำให้มันหมดลมหายใจได้ง่ายๆ ไม่จำเป็นที่เขาจะเล็งไปที่หัวใจของมัน เพราะเขาฆ่าคนมามากมาย เส้นเลือดและจุดชีพจรอยู่ตำแหน่งไหนเขาสามารถเล็งแล้วยิงได้อย่างแม่นยำราวกับจับวาง และอีกเพียงไม่ถึงนาที...มันก็จะหมดลมหายใจ การกระทำของเขามันช่างเลือดเย็นเกินกว่าใครจะคาดเดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพวกเดนนรกตรงหน้าที่บัดนี้ยืนตัวแข็งทื่อราวกับรูปั้น และใบหน้าซีดเซียวด้วยความหวาดกลัว พวกมันคงอาจคาดไม่ถึงว่าไอ้หน้าอ่อนที่พวกมันเห็นคนนี้จะมีปืนติดตัวและกล้าที่จะปลิดลมหายใจคนอื่นได้อย่างไม่ลังเล “ไสหัวกลับไปถ้าไม่อยากตายเหมือนเพื่อนของพวกแก...” สิ้นเสียงโฮคิ พวกมันก็ลนลานรีบวิ่งกระจุยกระจายไปคนละทิศละทาง และเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นที่พวกมันหายหัวไปอย่างรวดเร็วจนบริเวณนี้เกิดความเงียบอีกครั้ง ช่างน่าสมเพชเสียจริง... ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจไอ้เวรที่นอนจมกองเลือดปลายเท้าเขาเลย ไหนว่าเป็นเพื่อนของพวกมันไงล่ะ... โฮคิก้มมองร่างที่เขาปลิดลมหายใจไปเมื่อครู่อย่างเย็นชาและไร้ความรู้สึก เขาไม่รู้สึกสงสาร ไม่รู้สึกเสียใจ และหวาดกลัวกับความตายที่เขามอบให้มัน เพราะกลิ่นคาวเลือดและชีวิตของผู้คน...เปรียบเสมือนปัจจัยที่ห้าของเขาไปเสียแล้ว “ฮึก...” ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับออกจากบริเวณนี้ เสียงสะอึกสะอื้นของหญิงสาวร่างบางก็ทำให้เขาหันหน้ามอง ใบหน้าสะสวยกำลังแสดงออกถึงความเศร้าและเสียใจอย่างเต็มที่ “ชะ...ช่วยฉันด้วย...” น้ำเสียงหวานเคล้าอ้อนวอนกำลังร้องขอความช่วยเหลือจากเขา โฮคิปรายตามองร่างบางที่มีสภาพยับเยินไม่ต่างจากหมาข้างถนน เสื้อขาวบางถูกฉีกขาดไม่เหลือชิ้นดี ตามเนื้อตัวขาวเนียนเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจากการถูกกระแทกทำร้ายด้วยน้ำมือของพวกนั้น “...” โฮคิเพียงปรายตามองและไม่ปริปากพูดอะไรออกมาก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกจากบริเวณดังกล่าว ทว่าน้ำเสียงสะอึกสะอื้นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดจนแทบบ้า “ขอร้องล่ะ ฉะ...ฉันไม่มีแรงเลย” โฮคิชะงักเท้าเล็กน้อย แต่ไม่ได้หันหลังกลับไปมองร่างบางที่ร้องขอให้เขาช่วยราวกับจะตายแหล่มิตายแหล่ เพราะเสี้ยววินาทีหนึ่งที่เขาหันไปยังซ้ายมือของตัวเอง เขารับรู้ว่ามีคนกำลังเดินมาทางนี้... แน่นอน...ถ้าคนที่กำลังจะเดินมาทางนี้ใจดีพอก็คงจะช่วยเหลือเธอ กลับกัน ถ้าเจอพวกตัณหากลับซ้ำเติมความเจ็บปวดบนร่างกายเธออีก อันนี้ก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เพราะยังไงซะ...มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาที่จะเข้าไปยุ่งอยู่ดี แค่เข้ามาห้ามไอ้พวกเวรนั่นทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองมันก็มากพอแล้วไม่ใช่หรือยังไง? โฮคิวางสเก็ตบอร์ดลงกับพื้นก่อนจะสไลด์มันไปด้านหน้าพลางล้วงบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ นัยน์ตาสีสนิมฉายแววราบเรียบพร้อมกับความว่างเปล่าที่มีอยู่ในหัวสมองของเขา วันนี้เขาฆ่าคนไปสองคน... ไอ้คนแรกเขาพึงพอใจเพราะมันเป็นงานที่ถูกจ้างมาอีกทีซึ่งมีข้อแลกเปลี่ยนเป็นเงินจำนวนหนึ่ง แต่ไอ้รายล่าสุดเนี่ยสิ... ถึงเขาจะสะใจเมื่อได้เห็นเลือดและความทุกข์ทรมานของมัน แต่ก็รู้สึกเสียดายลูกกระสุนชะมัด เพราะความตายของมันทำให้เขาได้มาเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น...

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

Her Triplet Alphas

read
7.0M
bc

The Heartless Alpha

read
1.5M
bc

My Professor Is My Alpha Mate

read
474.5K
bc

The Guardian Wolf and her Alpha Mate

read
521.1K
bc

The Perfect Luna

read
4.1M
bc

The Billionaire CEO's Runaway Wife

read
613.6K
bc

Their Bullied and Broken Mate

read
473.0K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook